The X Files: I Want to Believe

the-x-files-i-want-to-believe
ในที่สุดก็ได้โอกาสเหมาะๆ หาเวลาดูเรื่องนี้ซะที หลังจากที่พลาดการดูในโรงหนังเพราะถูกถอดโปรแกรมฉายของบ้านเรา
เนื่องจากหนังล้มเหลวทั้งรายได้และคำวิจารณ์จากเมืองนอก เป็นหนังแป้กแห่งปีอีกเรื่องนึงเลย
แถมดีวีดีที่ทำมาขายแบบออกด่วนเพื่อแข่งกับแผ่นผีก็เป็นแบบพากย์ไทยล้วน (พักนี้ฮิตมาก ทำกันหลายเรื่อง)
เลยทนรอนานหน่อยเพื่อดูดีวีดีฉบับสมบูรณ์

ผมเป็นแฟนแฟ้มลับคดีพิศวงมาตั้งแต่สมัยออกฉายช่วงดึกคืนวันพฤหัสทางช่อง 7 สี (ทีวีเพื่อใคร) ประมาณซีซั่น 3-4 ติดมาก
ก่อนจะย้ายมาฉายบ่ายสามวันธรรมดาให้แม่บ้านสมองไวดู ก็ไม่ได้ดูตั้งแต่นั้นมาเพราะมันเป็นเวลาทำงาน
แต่ก็ติดตามเช่าวีดีโอดูจนถึงซีซั่น 7 เปลี่ยนพระเอกก็ดูๆ เลิกๆ จนซีรี่ส์จบชีวิตการฉายอันยาวนาน 9 ปี ปิดตำนานไป

ไม่ถึงขนาดเป็นแฟนพันธุ์แท้ แต่ก็ชอบและติดตามมานาน พอเห็นหนังภาคนี้ล้มเหลวก็แอบเสียดาย
แต่พอดูจริงๆ ผมก็เพลินดูไป ไม่มีช่วงเบื่อซักนิด จนหนังจบก็นั่งดูเครดิต พร้อมภาพและเพลงประกอบเก๋ๆ
แถมปิดท้ายด้วยฉากจบน่ารักๆ (ระวัง! ถ้าอ่านต่อจากนี้อาจทำให้เสียอรรถรส หากอยากเก็บไว้ดูเองก็อ่านแค่นี้พอ)
เป็นฉากมุมมองแนวราบกับทะเล เห็นเกาะอยู่ข้างหน้า มีเรือพายอยู่กลางทะเล กล้องค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาเรือ
ก็เห็นโมลเดอร์ถอดเสื้อออกแรงพายอยู่ สกัลลี่ใส่บิกินี่มีเสื้อคลุมนั่งอยู่หัวเรือ มุมกล้องเปลี่ยนเป็นด้านบน
ค่อยๆ ซูมออก ไกลออกมาเรื่อยๆ โมลเดอร์โบกมือให้เรา

ใครอยากพิสูจน์ก็หาดูกันตามอัธยาศัยครับ ภาคนี้ดูง่าย ไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องหลัก
เข้าใจว่าเป็นความผิดหวังของคนที่รอดูด้วย เพราะพล็อตเรื่องไม่มีมนุษย์ต่างดาวเลย
ผิดกับภาคหนังใหญ่ครั้งแรก The X-Files: Fight the Future อันนั้นตูมตามสะใจ
เนื้อเรื่องก็คาบเกี่ยวระหว่างซีซั่น 5 ไปซีซั่น 6 เป็นเนื้อเรื่องหลักที่เกี่ยวกับปมของโมลเดอร์ที่ตามหาน้องสาว
ที่เชื่อว่าถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไปทดลอง แล้วก็มีองค์กรลับ The Syndicate ที่เกี่ยวข้องกับการสมคบคิดนี้
ซีรี่ส์แอ็คชั่นสมัยนี้ก็มีองค์กรลับอยู่เบื้องหลังตามกันหมดเลย ทั้ง The Company (Prison Break) แล้วก็
The Dawn Brigade (24) มีอีกเรื่องไหนอีกมั้ย…

แต่กับ I want to believe เหมือนเป็นแค่ตอนเล็กๆ คดีพิศวงธรรมดาอย่างที่สมัยซีรี่ส์เริ่มต้นใหม่ๆ
เป็นคดีคนหาย มีอดีตบาทหลวงอ้างว่าเห็นนิมิต ช่วยพาทีมเอฟบีไอตามหาร่องรอยได้
แต่ตัวบาทหลวงเองก็มีคดีละเมิดทางเพศกับเด็กชายหลายคน โมลเดอร์กับสกัลลี่ก็ถูกดึงมาช่วยสืบ
ชื่อภาคนี้ก็เอามาจากโปสเตอร์รูปยูเอฟโอที่เราเห็นประจำในห้องพักของโมลเดอร์นั่นเอง

ประเด็นที่เน้นสำหรับภาคนี้ คำเดียวสั้นๆ Don’t give up. อย่าเพิ่งยอมแพ้
จะทำมาอีกกี่ภาคก็ขอตามดูไปเรื่อยๆ ล่ะนะ 🙂

จอใหม่ BenQ E2200HD

เห็นลิ่วซื้อมาใช้แล้วเกิดกิเลสอยากได้บ้าง
เลยไปถามรายละเอียดมาแล้วไปเดินหาซื้อที่ฟอร์จูน ก็ได้มาที่ราคา 5,850 บาท
เห็นว่าลิ่วซื้อมาได้ถูกกว่านี้เล็กน้อยที่งานคอมอะไรซักอย่าง หน้าตาพอใช้ได้
มีลำโพงในตัว แต่เสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แล้วก็ต่อด้วย VGA อย่างเดียว ไม่มี DVI
PC122066

จุดประสงค์หลักคือเอามาเปิดอ่านการ์ตูนฝรั่งด้วยโปรแกรม Comical
เปิดอ่านบน iBook G4 ที่ขนาด 1024×768 มันอ่านไม่ค่อยถนัด
ก่อนหน้านี้ลองทดสอบกับจอ Asus 19 นิ้วของต่าย ได้ที่ 1600×1024
แต่ก็ต้องออกแรงกันหน่อย เพราะ iBook มันล็อคขนาดจอไว้แค่ 1024×768
ก็โหลดโปรแกรม Screen Spanning Doctor มาจัดการซะ คราวนี้ก็ต่อได้สบาย

พอเจอจอ Full HD ขนาด 22 นิ้ว (สเป็คจริงๆ แค่ 21.5 นิ้ว)
ด้วยความละเอียด 1920×1080 แล้วมันเต็มตาดีจริงๆ
ใหญ่เกือบเท่าที่อ่านจากหนังสือจริงๆ เลยครับ แค่เตี้ยกว่าประมาณเซ็นนึง
ช่วงนี้ก็อ่านการ์ตูนอย่างมีความสุข ^_^
1920x1080

ก็แค่แก่ลงบ้าง อะไรบ้าง…

เมื่อวานวันเกิด เพื่อนๆ ก็อวยพรกันอุ่นหนาฝาคั่ง อบอุ่นมากๆ
ทั้งในทวิตเตอร์กับเครือข่ายสังคมทั้งหลาย (แปล social network ว่าเครือข่ายสังคมแล้วมันจั๊กจี้ดีวุ้ย)

น้องอ้อมทำรูปนี้มาแปะอวยพรให้ จะนอนอยู่แล้ว เห็นพอดี ชอบใจมาก ขอบคุณนะครับ
HBDreng

พ้นเบญจเพสมาแล้ว ต่อไปนี้คงมีแต่เรื่องดีๆ ล่ะนะ รักทุกคนครับ 😛

ปล.อาถรรพ์หลังเบญจเพส กลางปีกล้องหาย ปลายปีไหแตก…T_T

ดาวน์ฮิลเขาอีโต้ (อีกครั้งและอีกครั้ง)

คราวนี้ได้ดิ่งแบบทางเปียกๆ เป็นครั้งแรก เพราะที่ผ่านมาเขาอีโต้มีฝนตกมาตลอด ทางเลยลื่นเลอะเฉอะแฉะเป็นพิเศษ
ได้ลง 2 รอบ ดูรูปเอาละกัน
IMG_0002
DSC_0496
DSC_0513
DSC_0518
IMG_4980
PB081403
IMG_4974

“จนได้นะมึง”, “งานเข้า”, “กูว่าแล้ว”, “บอกแล้วให้ซื้อชุดเกราะ” และอีกสารพัดคำ…
ยังดีที่พอใช้คอมพิวเตอร์ได้อยู่บ้าง แต่ก็เจ็บปวดเหลือใจจริงๆ แถมต้องใส่สายพยุ่งไหล่ อดปั่นไปอีกอย่างน้อยเดือนถึงสองเดือน
ลำบากที่สุดตอนลุกจากที่นอนครับ อยากได้เตียงแบบปรับนั่งได้จริงๆ ฮือ…
(รูปฟิล์มเอ็กซเรย์ ถ้าดูไม่ชัดให้คลิกที่รูปไปดู note ใน Flickr ได้นะ)

โรงพยาบาลประจำจังหวัดปราจีนบุรีเท่มากครับ ไม่ได้เป็นชื่อจังหวัดเหมือนที่อื่น แต่ชื่อ “โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร”
ไม่รู้ว่าจังหวัดไหนมีแบบนี้เหมือนกันบ้างรึเปล่า มีตึกเก่าที่คิดว่าคงจะเป็นวังของเจ้าของชื่อโรงพยาบาลด้วย สวยดี

พี่ป๊อก (@pphetra) เคยถามไว้คราวก่อนตอนไปแข่ง Kona Bike Park #1 ผมมีคำตอบให้แล้วครับ ไหปลาร้าขวา T_T …

รูปที่เหลือชุดใหญ่ไปดูใน Flickr ครับ

ภาพจำลองเหตุการณ์ก่อนลงไปนอนวัดพื้นไหแตก แบบนี้เปี๊ยบเลย
Photobucket

ภูกระดึง day 4

26 ต.ค.
วันสุดท้าย ตื่นเช้ากว่าเพื่อน ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน หมอกยังจัด ฝนโปรยปรายเหมือนเดิม

เก็บข้าวของแล้วไปนั่งกินกาแฟที่ร้านชาชักเจ้าเก่า แล้วก็อัดขนมปัง ปาท่องโก๋ เต็มพิกัด

โน่ซื้อรองเท้า “สตั๊ดดอย” แบบที่ลูกหาบใช้ มาแทนคู่เก่าที่กัดเพราะเดินแบบเปียกๆ ทั้งวัน

บรรยากาศเช้าวันกลับ

กลับเต๊นท์ คืนถุงนอน หมอน แผ่นรองพื้น แล้วก็เดินลงตอนเกือบๆ 9 โมง
ถึงหลังแป ฝนก็ตกลงมาอีก ก็เดินลงภูกันทั้งฝนๆ นั่นแหละ ตื่นเต้นดี
เว้นระยะห่างกันหน่อย เผื่อใครพลาด ลื่นกลิ้งไป จะได้ไม่เป็นโดมิโน่

เดินลงก็เหนื่อยเหมือนเดิม แถมปวดขามากกว่าขาขึ้นอีก
พักทุกจุดเหมือนเดิม แต่พักสั้นกว่าขาขึ้น นั่งแป๊บเดียวก็เดินต่อ
เดินมาเรื่อยๆ จนถึงจุดพักสุดท้าย มีคนขึ้นสวนมาบ้างประปราย
ระหว่างทางมีน้องคนนึงบริจาคน้ำขวดใหญ่ให้ 1 ขวดเต็มๆ ที่ซำแฮ่ก เพราะว่าแบกต่อไปไม่ไหว
น้องเค้าเพิ่งเคยมา ไม่รู้ว่ามีน้ำขายให้เกือบตลอดทาง ก็ช่วยรับมา หนักเพิ่มอีกกิโลครึ่ง
เลยรีบๆ ช่วยกันกินให้มันหมดไปเร็วๆ

เที่ยงครึ่งถึงตีนภู อาบน้ำ ซื้อของฝาก ของกินนิดหน่อย เอาโปสการ์ดไปประทับตราอุทยาน
แล้วก็หยอดตู้ไปรษณีย์แถวนั้น นั่งรถสองแถวกลับผานกเค้า รอรถบัสกลับกรุงเทพตอนบ่าย 3 โมง
กินข้าวร้านเจ๊กิมตรงท่ารถเหมือนเดิม

บ่ายสามก็ตรงดิ่งกลับกรุงเทพ แต่เพราะฤทธิ์กาแฟสด ผมเลยนอนไม่หลับตลอดทาง 8 ชั่วโมงเลย
ถึงบ้านเที่ยงคืน เอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า ผึ่งไว้ ค่อยซักทีหลัง แล้วก็คลานขึ้นบันได

รวมค่าใช้จ่าย 3 คน หมดไปประมาณ 7 พันกว่าๆ กับอาการปวดขาที่ไม่รู้จะตีราคาเท่าไหร่ดี
ตอนนี้ขึ้นลงบันไดบ้านต้องค่อยๆ ก้าว เป็นที่น่าเวทนา แต่ก็คุ้มครับ ไม่เสียชาติเกิดแล้ว

เกือบลืมรูปสำคัญ ได้แรงบันดาลใจจากคนแถวนี้ 🙂

เป็นอันจบทริปโดยสมบูรณ์ รูปที่เหลือทั้งหมดดูได้ที่ flickr

ลิงก์ –
ภูกระดึง day 3