Kona & Fox Bike Park #1

ขอเล่าประสบการณ์มันส์สุดขีด แบบยาวๆ ซักครั้งนะ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมของทาง TCA
หนึ่งในตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยี่ห้อดังๆ รายหนึ่งของบ้านเรา

ที่สนใจอยากไปเพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่จะได้ปั่นจักรยานดิ่งลงตามทางลาดชันของเขาอีโต้
ซึ่งจาก ที่เคยไป ก็แค่ไปปั่นทาง cross country
คือไปตามภูมิประเทศขึ้นๆ ลงๆ ธรรมดา (แต่เหนื่อยนรกแตก ใช้เวลาเยอะด้วย)

อีกอย่างเพิ่งจะถอยน้องแอร์มา ซึ่งจากลักษณะของรถแล้ว
จะเอาแต่มาปั่นไปทำงาน ปั่นเล่นในเมืองก็จะกระไรอยู่
มันต้องไปดาวน์ฮิลล์ซักครั้ง ถึงจะสมศักดิ์ศรีรถ

เนื่องจากงานนี้เจ้าภาพเป็นตัวแทนจำหน่ายของรถยี่ห้อ Kona
คนที่ใช้รถโคน่าอย่างพวกเรา (โน่, พี่ก๊อง) มีหรือจะยอมพลาด
แถมจ่ายแค่ครึ่งราคา จากสองร้อย เหลือร้อยเดียว คุ้มมาก!!! (-*-)

ที่ทำให้อยากไปยิ่งกว่านั้นคือจาก หมายกำหนดการ บอกว่าจะมีการฝึกสอน
การขี่แบบดาวน์ฮิลล์พื้นฐาน การเซ็ตรถ เตรียมพร้อมสภาพรถและคน
เลยกระเหี้ยนกระหือรือแบบนับวันรอกันมาก ไม่แพ้ BarcampBangkok เลยเชียว 😉

วันอาทิตย์เลยตื่นแต่เช้า เพื่อจะพบว่า ฝนตก!!!
เอาวะ กรุงเทพตก แต่ปราจีนบุรีอาจไม่ตกก็ได้ จัดการแยกชิ้นส่วนน้องแอร์และน้องฟ้า
(น้องพลอยกับคันอื่นๆ ให้เฝ้าบ้าน) ยัดใส่ท้ายรถไปจนได้ทั้งสองคัน
ไปถึงเขาอีโต้ราว 11 โมง ออกสายไปนิด จริงๆ ขับรถไปก็ไม่เกินสองชั่วโมงเท่านั้น

โน่ไปรอก่อนแล้วตั้งแต่วันเสาร์ โดยรถไฟพร้อม Stinky ที่เพิ่งประกอบเสร็จไม่กี่วัน
วันนั้นกลุ่มเมเจอร์ไบค์ของเราเลยมี Kona ทั้ง 3 รุ่นไปร่วมงาน
คือ Stinky ของโน่ Stinky Deluxe ของพี่ก๊อง และ Stinky Air ของผม
มันส์แน่ๆ

ไปถึงก็เจอนักดิ่งมากันคับคั่ง ทั้งชาว Crazy Gang นำโดยพี่อู๋จากพัทยา
พี่เปรียวจาก Maxrider น้าเด๋อจาก Gravity Shop และคนอื่นๆ
ซึ่งก็คุ้นหน้าคุ้นตากันจากเวบจักรยานทั้งหลาย มีรถสวยๆ เพียบ
ได้เห็น Kona Stab Supreme UCI ตัว Special Edition ของพี่วินด้วย
มีเหลือแค่คันเดียวในเมืองไทย อีกคันโดนซื้อไปให้นักแข่งที่อินโดฯ แล้ว

ไปลงทะเบียน จ่ายตังค์ เลือกเบอร์ได้เอง เลยหยิบมั่วๆ ได้เบอร์ 127
กินข้าวแจกฟรี แล้วก็ปั่นวอร์ม เดินคุย ดูน้องๆ ปั่นเล่นโดดเนินกัน
แต่ละคนฝีมือจัดจ้านมาก แต่ไม่มีอะไรต้องหนักใจ เพราะดาวน์ฮิิลล์มันแข่่งกับตัวเอง

ฟ้ามืดครึ้มนิดหน่อย ได้ความว่าฝนเพิ่งตกไปเมื่อคืน นักดิ่งชั่วโมงบินสูงหลายคน
บอกว่าก็ดี ดินจะได้นุ่มๆ ปั่นหนืดหน่อย ถ้าล้มก็จะได้ไม่เจ็บมาก (- -“)

ทางผู้จัดบอกว่ามีรถหกล้อช่วยขนจักรยานขึ้นยอดเขาให้ฟรี ทยอยขึ้นไปซ้อมกันก่อนก็ได้
จะเริ่มแข่งบ่ายโมง พวกเราก็อ้าว..ไหนว่าจะมีการฝึกสอนให้มือใหม่ไง
พี่ๆ นักปั่นหลายคนก็บอกว่า ไม่เป็นไร มือใหม่เหรอ เทคนิคก็คือ อย่าเพิ่งลงเร็ว
ค่อยๆ ไปก่อน ใจเย็นๆ เอ…แค่นี่เองเรอะ ไม่นะ ในแผ่น DVD Fundamental
มันมีเทคนิคการขี่ตั้งเยอะนี่

แต่ทำไงได้ ขึ้นมาบนยอดเขาแล้ว ขานชื่อแล้วก็ไปนั่งดูตรงช่วงแรกที่เค้าปล่อยตัวรุ่นอื่นไปก่อน
วิธีแข่งคือ ปล่อยตัวลงไปทีละคน ทิ้งระยะห่างกันคนละ 1 นาที ใครไปถึงเส้นชัยข้างล่าง
และทำเวลาได้น้อยที่สุดก็ชนะไป เท่าที่ทราบคือระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร
เวลาเฉลี่ยที่นักแข่งจริงๆ ทำกันได้คือ 7-8 นาที นั่นคือรุ่นมืออาชีพนะ
ส่วนมากก็จะ 10 นิดๆ มากกว่า เราก็กะว่าคงจะ 15-20 นาทีก็โอเคล่ะนะ อย่าล้มเจ็บก็พอใจละ

ช่วงแรกมีการเรียกนักกีฬาไปฟังสรุป ผมดันมัวแต่ไปลุ้นกับนักแแข่งรุ่นพี่ๆ ที่ได้ลงก่อน
เลยไม่ได้ไปฟังกับเค้าซะงั้น ซึ่งคือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เดี๋ยวจะบอกทีหลัง

ก่อนปล่อยตัว ทุกคนจะต้องจับฉลาก เป็นกติกาสนุกๆ เล่นกันเอง ว่าจะโดนให้ทำอะไร
ก่อนที่จะพุ่งออกจากศาลาลงสู่ทางนรกเบื้องหน้า บางคนโดนพูด “เช้าฟาดผัดฟักฯ”
ต้องพูดจนกว่าจะถูกถึงจะลงได้ โน่ลงก่อนผม โดนวิดพื้น 10 ที เสียวมาก
เพราะน้องคนก่อนหน้านั้นก็จับฉลากได้แบบนี้ ปรากฏว่าวิดมากไปหน่อยจนแขนล้า
ออกตัวพุ่งชนต้นไม้ o_O! แต่ไม่เป็นอะไรมาก ขำๆ กัน

ในที่สุดก็ถึงคิวเรา คร่อมรถ ขึ้นแท่น มีเสียงแซวว่า “อ้าว น้าเด๋อ โดนขโมยรถแล้ว”
รถผมกับน้าเด๋อเป็นรุ่นเดียวกัน มีกันแค่สองคน สองคันเนี่ยแหละ น้าแกเป็นตัวแทนขาย
แต่ซื้อไว้ใช้เอง

จับฉลาก ป้าด..ได้วิ่งรอบศาลา 1 รอบ “มาเลยพี่ เดี๋ยวผมจับรถให้ก่อน” เยี่ยมจริงๆ
ดีนะ ไม่โดนวิ่ง 3 รอบ ได้ข่าวว่ามีฉลากแบบนั้นด้วย ใครนะช่่างคิด

“30 วินาที เตรียมตัว…10 วินาที…5, 4, 3, 2, 1, ไปได้!!!” ขาดคำน้าเด๋อขาน
ผมรีบออกวิ่งรอบศาลา ขนาดประมาณศาลาที่พักริมทาง สบายๆ โดดขึ้นรถ
ปั่นพุ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต…บ้าสิ…ก็ไปตามปกตินั่นแหละ ไม่ให้เค้าหาว่าอ่อนเกินไป
แล้วก็ไม่เร็วเกินไป กะว่าพอดีๆ มีเสียงชื่นชม “อู๊ว..สติงกี้แอร์”, “สวยๆๆ”
เผลอแอบเคลิ้มไปวูบนึงก็เจอทางลงเป็นแผ่นหิน 3 ขั้น สูงซักขั้นละเมตรนึงได้
ก็หย่อนๆ ไป ตุ้บๆ ข้างหน้าก็เป็นแทร็คยาวคดเคี้ยวไปเรื่อยครับ มันส์ล่ะทีนี้

my first downhill racing

สติงกี้แอร์มันสุดยอดจริงๆ ครับ เก็บรายละเอียดได้ทุกเม็ด โช้คยุบยวบยาบ ยืนตลอด
แทบไม่ต้องปั่น บังคับแฮนด์ กับเบรคชะลอความเร็วเป็นระยะๆ
หลุมบ่อ หินลอย ทราย ดินเปียก ใบไม้ รากไม้ เนินดินที่ทำให้โดดโดยเฉพาะก็มี
ไม่รู้เลยว่ากี่นาทีแล้ว ไกลแค่ไหนแล้ว เข้าใจความรู้สึกแล้ว ว่านาทีนั้นไม่มีโอกาสคิดอะไรทั้งสิ้น
นึกถึงคุณ roofimon กับกีฬาปีนหน้าผาของเค้า คงจะแบบนี้แหละมั้ง ลืมทุกอย่าง
เอาชีวิตรอดจากตรงนี้ให้ได้ แว๊บนึงเผลอคิดว่า กรูมาทำอะไรอยู่เนี่ย อยู่บ้านดีๆ ไม่ชอบ
แต่แค่แป๊บเดียวจริงๆ พอเหินลงจากเนินใหญ่ รถยุบเกือบสุดระยะ 7 นิ้วตามสเป็ค
พร้อมเด้งคืนอย่างแรงด้วยช็อคลมชั้นดี สมกับที่เป็นรุ่น Air รู้สึกว่าก้นสัมผัสล้อหลัง
แล้วตัวลอยออกมาจากรถ ขาหลุดจากบันได แต่มือยังกำแฮนด์ เฮ้ยยยย…

แต่ยังครับ แค่เสียหลักนิดหน่อย ตัวยังวิ่งตามไปกับรถได้ ไม่กลิ้งไปซะก่อน
โอ้.มายพระพุทธเจ้า กรูรอดแล้ววว..รีบคร่อมรถ ออกตัวใหม่ คราวนี้ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
ใส่อย่างเดียวเลย ลองทำเป็นลืมๆ ไม่ยอมกำเบรคดูซะหน่อย รถวิ่งฉิวเร็วแรงขึ้นสุดยอด
มองทางเหมือนไม่น่าจะชันเลย แต่รู้เลยว่ารถมันสปีดพุ่งขึ้น จนเสียวได้ที่แล้วก็เริ่มกลับมาเลียเบรคใหม่
ไม่งั้นแหกโค้งตกเขา

กำลังจดจ่อกับทางข้างหน้า มีเสียงตามหลัง “ขอ’นุญาตคร๊าบบบ!!!”
ด้วยสัญชาตญาณและน้ำใจนักกีฬาที่ดี ผมรีบหลบเข้าข้างไลน์ เปิดทางกว้างให้เจ้าของเสียงผ่านไปก่อน

ฟิ้ว!!!…

เฮ้ย..ไปแล้วเหรอ เห็นหลังไวๆ ว่าเป็นรถ Intense M3 สีแดง (ลงมาก็เจอตัวเจ้าของ คือพี่เคน)
สุดยอด นี่เราช้าขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย (รู้จากโน่ว่าโดนแซงไปด้วยเหมือนกัน พระเจ้า…)
จากนั้นก็อัดมา แอบลองไม่เบรคหลายครั้ง แต่ก็ยั้งๆ ไว้ เพราะไม่ได้ใส่ชุดเกราะอะไรเลย
มีแต่หมวกกันน็อคที่ใช้ประจำ กับแว่นตาแบบที่เรียกว่า goggles ที่เพิ่งถอยมาใหม่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ
ผ่านเข้าดงไผ่ โดนกิ่งไผ่ฟาดเข้าแว่น เป๊ะ!!! โอ้ว…คิดถูกแล้วที่ลงทุน คุ้มค่าจริงๆ
ไม่งั้นคงคิ้วแตก ไม่ก็ตาเจ็บ ที่กอไผ่มีลังเบียร์วางพิงไว้ด้วย นึกในใจว่าดีจัง
เค้าคงกลัวนักแข่งเบรคไม่อยู่ ถลาเข้าไปเสยกอไผ่นั่น หนักจะได้เป็นเบา

ไหลลงมาเรื่อย มีคนดูและช่างภาพยืนดักอยู่บ้างประปราย ช่วงที่ผ่านคนต้องแข็งใจ
ทำเก๊ก ว่ามีแรง ยืนโยกฮึดน่าดู เพื่อภาพสวยๆ ฮ่าๆๆๆ
พอพ้นเค้ามา ก็ค่อยปล่อยไหลไปแบบหมดสภาพ ถ้าเจอคนอีกก็ค่อยฮึดใหม่
(เป็นเทคนิคแบบแลนซ์ อาร์มสตรอง ที่ฮึดหนีรถนักข่าวกับพวกคนดู)
พยายามทำตามที่อ่านมาจากบทสัมภาษณ์พี่แม็ก นักแข่งทีมชาติ คือ มองไกลๆ เข้าไว้
เค้าบอกว่า โค้ชเยอรมันเอาเทปกาวปิดแว่นครึ่งล่างเพื่อบังคับสายตาเลยเชียว
ก็เลยลองหัดมองไกลดูมั่ง แต่ก็ยังพลาดอยู่ดี เวลาที่เป็นทางลงเป็นแอ่งลึกแล้วต้องเป็นทางขึ้นชันทันที
พอกะจังหวะผิดก็จะลืมเผื่อแรงตอนขาขึ้นตรงนั้น มันจะเสียความเร็วไป
พวกเชี่ยวๆ นี่ขนาดไหลลง ก็ยังออกแรงปั่นเติมตลอด

ลงมาได้พักใหญ่ เจอกาน้ำสเตนเลสอย่างดี แขวนไว้ตรงช่องที่ต้องปั่นผ่าน
ก็นึกในใจว่า อะไรวะ เอากามาดักฟาดหัวนักกีฬาหรือไง ใครไม่มองก็หัวโขกเท่านั้นน่ะสิ
แต่ก็ผ่านมาแบบสนุกๆ ยกมือตบกาไป 1 ที เป๊ะ…

สุดท้ายก็มาถึงเส้นชัย ก่อนเข้าเส้นก็เป็นทางชันซะ ไม่กล้าปล่อยเลย ต้องค่อยๆ หย่อนเอา
มีเสียงคนขานเบอร์รถเรา บอกกรรมการว่ามาถึงแล้วให้บันทึกเวลา
ไอ้เราก็ไม่รู้ นึกว่ายังต้องปั่นต่อ เป็นทางชันขึ้นซะด้วย หมดแรงแล้ว
ดีที่มีคนมาช่วยรับรถขึ้นไปให้ ลงจากรถได้เจอคำทักทายคำแรก
“เอ้า ตอบมา”
“อะไรครับ”!?@#%!#???
“อ้าว ก็ที่ผ่านมาไง อะไร”
“ไม่มีอะไรนี่ครับ เห็นแต่กาน้ำแขวนอยู่อันนึง”
“อ้าว..หลุด”
!?@#%!#???!?@#%!#???!?@#%!#???
เดินขึ้นมากินน้ำอย่าง งงๆ

โน่บอกว่า ก่อนแข่งเค้าสรุปสั้นๆ ให้ฟังที่ศาลาข้างบนว่าระหว่างทางจะมี rc ให้สังเกตด้วย
ถึงเส้นชัยต้องตอบคีย์เวิร์ดนั้น เป็นคำ 3 พยางค์
นั่นคือ “ตีลังกา” เฮ้ยย…เห็นแต่ลังกับกา
โน่บอกว่า มีป้ายคำว่า “ตี” วางกลับหัวอยู่ช่วงแรกๆ เลย
พอมันเห็นปุ๊บ ก็รู้เลยว่า ตีลังกาแน่ๆ 3 พยางค์มันจะเป็นอะไรไปได้
ยิ่งผ่านลังมาก็ยิ่งมั่นใจ แต่ได้ยินนักแข่งบางคนบ่นว่าเห็นกาเป็นหม้อ
ตอบผิดไปไม่น้อยเชียวแหละ ลองทายสิ นั่นแหละ ช่างกล้าตอบกันไปได้
อืม..ก็เป็นบทเรียนชั้นดี ว่าเค้าเรียกให้ขานชื่อแล้วก็อย่าแสลนไปที่อื่น

เหนื่อยมาก เดินมาล้มตัวนอนที่เสื่อ ถอดหมวก ถอดแว่น กะจะอาบน้ำเต็มที่
ผู้จัดบอกว่า ต่อไปเป็นการแข่งจริง เมื่อกี๊ให้ซ้อมดูไลน์ จ๊ากส์…
ไม่ไหวแล้ว บอกว่าเท้าแพลงดีมั้ย ฮ่าๆๆ
แต่ก็โอเคครับ พักซักชั่วโมงนึงก็ไหวอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าฝนตกลงมาจนได้
เลยซาวเสียงกันว่า เอารอบเดียวก็แล้วกัน (ตามมาตรฐานมันต้องอย่างน้อยสองรอบ)
ก็เลยตามเลย ไม่มีใครอยากไหลลงกลางฝนบนทางลื่นๆ นอกจากจะเสี่ยงแล้ว
ยังขี้เกียจล้างรถด้วย แถมนี่ก็ไม่ได้ซีเรียสจริงจังอะไร มาพบปะสังสรรค์สนุกกันเท่านั้น

จากนั้นก็จับฉลาก แจกของรางวัลกันไปสนุกสนาน ถ่ายรูปหมู่ กินข้าว แยกย้าย
ผลจะประกาศทีหลังอย่างเป็นทางการ แต่ผมไปขอดูเวลาที่เจ้าหน้าที่สาวสวยก่อน
ปรากฏว่าที่ลงทะเบียนไว้ในรุ่นอายุ 30-39 ผมได้ลำดับที่ 13
ด้วยเวลา 12:54:47 นาที อืม ปกติปั่นไปทำงาน 7 กิโลเหมือนกัน ก็เกือบครึ่งชั่วโมงล่ะนะ
ฝ่ายโน่บ่นใหญ่ เพราะได้ที่่ 14 แต่ดันโดนจับมาจัดอันดับกับรุ่นอายุเดียวกับผมได้ไงไม่รู้
ก็ฮากันไป

สุดยอดครับ เป็นประสบการณ์ประทับใจไม่รู้ลืม วันหยุดมาฆบูชา 21 กุมภาพันธ์นี้
จะไปซ้ำกันเองเฉพาะในกลุ่มพวกเราอีกครั้ง ใครสนใจก็มาด้วยกันนะครับ
ไปแต่เช้าเลย สายปั่นครอสก่อน บ่ายๆ ค่อยไปดาวน์
มาสนุกกันครับ ไม่ต้องกลัว ผู้หญิงยังมีไปดาวน์เลย ใจมาก…

ดูรูปบรรยากาศทั้งหมดได้ที่ knobbyonline
ขอบคุณ คุณ Rudy42 ที่ถ่ายภาพให้ มีแต่คนชมว่าดูดี
รูปอื่นๆ ดูได้ที่เวบเมเจอร์ไบค์ 1, 2, 3
หรือ flickr ได้เลยตามสะดวก

NetBeans 6.0 arriving

เพิ่งอ่านข่าว NetBeans 6.1 M1 support Grails แล้ว
ที่บล็อกของ Brian Leonard (Hello Grails!)
ก็พอดีแม่บ้านเอาของจากไปรษณีย์มาให้ คือไอ้นี่ครับ
netbeans dvd
ผมชอบแผ่นซีดีมากกว่าโหลดเอาเองน่ะ มันสวยกว่า
เค้าก็ใจดี แจกฟรีส่งถึงบ้านเลย เดือนที่แล้วก็เพิ่งได้รับแผ่นเวอร์ชั่น 5.5 มา
อยากได้ก็ไปลงชื่อเอาที่ Order NetBeans Media เลยครับ

รู้สึกแถวนี้จะมีแฟน NetBeans อยู่คนนึง เห็นใช้ตอนไปเรียน Tapestry
เดี๋ยวคงมาแสดงตัว ว่าจะจับมาช่วยสอนเพิ่มให้ซะหน่อย 😛

Chocolate vs. CJ7

เพิ่งดูช็อคโกแลตกลับมา หลังจากเมื่อวานเพิ่งดู CJ7
น้องที่ CTBV ได้ดูช็อคโกแลตก่อน บอกว่าดูแล้วเครียดเลย
เครียดที่ว่าหนังทำได้ดี จนเป็นห่วงว่าหนัง CJ7 ของค่ายตัวเองจะแย่
เพราะเปิดตัวชนกันจังเบอร์วันตรุษจีน เรียกว่าใครดีใครอยู่
chocolate cj7 ticket
ผมก็ได้แต่บอกว่า มันก็มีชนกันแต่ก็ win-win ทั้งคู่นะ
อย่างตอนไทเทนิคกับบอนด์ ตอนพรุ่งนี้ไม่มีวันตายไง (ที่อเมริกา)
ไม่รู้จะช่วยให้สบายใจดีขึ้นรึเปล่า

ว่ากันที่ CJ7 โจวซิงฉือก็เหมือนดาราตลกหลายๆ คนที่ผันตัวขึ้นมากำกับ
เรื่องนี้เขียนบทด้วย ซึ่งทุกคนจะคล้ายๆ กันคือจะพยายามเน้นดราม่า
ก็ประสบความสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง (ดูอย่างทาเคชิ คิตาโน่สิ บ้านเราก็หม่ำไง)

ผมสนุกกับเรื่องนี้น้อยมาก จนรู้สึกว่าเราแก่เกินไปที่จะดูอะไรเด็กๆ แล้วรึเปล่า
ซึ่งก็ไม่น่าจะใช่ หนังมันเน้นตัวละครขาวดำ ดีเลวสุดโต่งเหมือนการ์ตูน
เอาใจเด็ก และล้อตัวเองในผลงานเก่าที่ผ่านมาอย่างเมามัน ชัดสุดก็คือ Kungfu Hustle
เทคนิคด้านภาพยังแพรวพราวหายห่วง ตั้งแต่ Saolin Soccer แล้ว

ครึ่งแรกยังสนุกอยู่ แต่ครึ่งหลังค่อยๆ แผ่ว จนผมแอบเบื่อ
แล้วสุดท้ายก็จบแบบพยายามประทับใจ แต่ผมว่าประเด็นมันเด็กไป อ่อนไป
เลยไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ทั้งเรื่องผมหัวเราะฉากเดียวเอง จะเส้นลึกไปไหนเนี่ย

วันนี้เลยลองไปพิสูจน์ช็อคโกแลต เพราะอยากจะอัพเดทกะเค้าหน่อย
แล้วยังไงก็เป็นหนังไทยที่น่าดูที่สุตตอนนี้ ระหว่างรอ “กอด” ของคงเดช
แถมเห็นชื่อ มะเดี่ยว เป็นคนเขียนบท เลยแอบหวังไว้เยอะไปนิด

เอาเข้าจริงผมกลับชอบช็อคโกแลตน้อย เกือบๆ เท่ากับที่ไม่ชอบต้มยำกุ้ง
ดูหนังแล้วรู้สึกเหมือนดู “จีจ้าโชว์” ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าน้องเค้าน่ารักและเก่งมาก
น่ารักกว่าในโปสเตอร์ซะอีก เสียดายที่ไม่ได้ดูตอนมาโปรโมทตามรายการทีวี

ธีมของเรื่องดูดี ที่เซ็น (จีจ้า) เป็นเด็กพิเศษ เกิดกับสายเลือดยากูซ่า (อาเบะ)
กับหญิงทรยศ (ส้มอมรากับรอยสักที่แขนบอกยี่ห้อ) ของแก็งมาเฟียไทย
คิดว่าเป็นคงมาเฟียพัทยา เพราะมีแก๊งกะเทยเป็นแบ็ค
นำโดยพงษ์พัฒน์ ที่ถ้าไม่อ่านเรื่องย่อคงไม่รู้ว่าในเรื่องเค้าคือ No.8 (ของอะไรฟระ)
และมีรองบอสเป็นป้าเดย์ ฟรีแมน โย่ว… -“- (แต่เค้าเล่นได้ขึงขังสมจริงดีนะ)
และตัวละครลูกกะจ๊อกสูตรสำเร็จอย่างไอ้หมาบ้าอะไรซักอย่าง ที่เหมือนเป็นสันนิบาตลูกนก
แต่เก่งเทพ ใส่ชุดวอร์ม adidas เสื้อผ้าหน้าตาท่าทางเหมือนเจ้าโน่ที่นั่งดูอยู่ด้วยกันเป๊ะเลย (ฮา)

เริ่มมาก็ดูดี แต่พอพ้นครึ่งชั่วโมงแรกไปแล้วมันก็เริ่ม nonsense
อัดฉากสู้กันเข้าไป ตัวละครหลักทำตัวไร้เหตุผล เพื่อส่งให้เข้าคิวบู๊
คุณปรัชญาเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่ค่อยพอใจที่ถูกต่อว่าเรื่องบท ซึ่งเค้าก็รู้ แต่เค้าจะขายแอ็คชั่น
ช่วยเข้าใจหนังเค้าหน่อย คราวนี้เลยได้มะเดี่ยวมาช่วยเรื่องบทแล้ว คงจะดีขึ้น (มั้ง)

บางครั้งก็จงใจเท่เกินไป อย่างตอนอาเบะเข้ามาในร้านอาหารญี่ปุ่นตอนท้า่ย
(ฉากคารวะ Kill Bill…นั่นแหละ…แฮ่ :-P)
แบบสโลว์โมชั่น อุตส่าห์มาตั้งไกล เค้าจะฆ่าลูกเมียมึงอยู่แล้วยังจะเท่อยู่ได้ ฮาดีมั้ย
นึกถึง The Transporter ภาคแรก ที่ฝรั่งพยายามหาเหตุผลให้ตัวเอกต้องอัดกับผู้ร้าย
ด้วยการเตะต่อย แทนที่จะใช้บรรดาอาวุธประดามีทั้งหลาย ซึ่งยังดู make sense กว่าอีกแน่ะ

ยิ่งตอนจบก่อนขึ้นเครดิตมีรวมช็อตหลุด เจ็บตัว สไตล์หนังเฉินหลงให้ดู
ยิ่งทำให้รู้สึกว่า มันมากไปมั้ยเนี่ย ต้องเจ็บต้องทนกันขนาดนี้
สงสารสตั๊นแมนไทย ที่เหนื่อยมากเสี่ยงมาก กับการทำงานแบบลูกทุ่งๆ คือทำด้วยใจ
แต่มันจะตายเอา คุณภาพชีวิตแย่ ดูแล้วหดหู่

ฉากที่ดูสมเหตุสมผลที่สุด คือฉากโชว์แอ็คชั่นครั้งแรกของจีจ้า ตอนโชว์ความสามารถรับของที่คนขว้างใส่
ใต้สะพานพระราม 8 แล้วโดนวัยรุ่นเจ้าถิ่นระราน นอกนั้นรู้สึกว่ายัดเยียด
องค์บากยังเนียนกว่า หรือแม้แต่งานเก่าแก่ขึ้นชั้นหนังคัลท์แอ็คชั่นเกรดบีคลาสสิคอย่าง
เกิดมาลุย ต้นฉบับที่พันนาเล่นเอง, ปีนเกลียว ก็ยังไม่ดูยัดเยียดเท่านี้

ผมว่าผมคงไม่สนับสนุนหนังแนวนี้อีกต่อไปแล้ว ผมไม่ชอบผู้กำกับคนนี้แล้ว
ผมว่าองค์บากเป็นโชคดีของปรัชญา และการให้ตัวเอกทวงของทั้งสามเรื่องที่ผ่านมา
น่าจะพอซะที เปลี่ยนมุกได้แล้วนะ แล้วก็หวังว่าจีจ้ายังจะมีผลงานให้ดูกันต่อไป
น่ารักขนาดนี้ เอาไปเล่นบทอื่นก็ยังได้

หนังดูได้เพลินๆ ทั้งสองเรื่องแหละครับ ที่บ่นนี่เป็นแค่ความรู้สึกนอกเรื่อง
ไม่ใช่ว่าหนังจะแย่ขนาดนั้น เพียงแต่ส่วนตัวไม่ได้ประทับใจจนอยากดูอีก เท่านั้นเอง
ตอนองค์บากนี่ผมยังหวดซะ 2 รอบเลย ในโรงซะด้วยนะ ^_^

Me, Twitter-er

ช่วงนี้ชักติด twitter กับเค้าเหมือนกัน เคยเขียนถึงไว้นิดนึงว่าลองใช้แล้ว
พอหลังจากงาน barcamp bangkok ทวิตเตอร์ก็ดังเป็นพลุแตก
เพราะการนำเสนอของสุกรี (สไลด์) เลยได้คนมา follow อีกหลายคนเลย
จนจะกลายเป็น chat ของเหล่า geek ไปแล้ว
คนใกล้ตัวแซวว่า ติดอะไรนักหนา เข้าไปคุยกับ “geek” หรือ “กิ๊ก” กันแน่
กี๊กครับกี๊ก ลากเสียงยาวหน่อย ไม่ใช่กิ๊ก
แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ได้ใช้งานอะไรมากมาย จนถึงตอนนี้เพิ่งจะโพสไป 202 โพสเท่านั้น
เทียบกับผู้เผยแพร่ลัทธิอย่าง @sugree ยังห่างชั้น เพราะแกโพสแล้ว 15,962 โพส (o_O!)

คนทำทวิตเตอร์คงแปลกใจที่อยู่ๆ ก็มีปริมาณการใช้งานจากเมืองไทยพุ่งพรวดชั่วข้ามคืน
ต้องยกความดีให้มาสเตอร์สุกรีที่เผยแพร่ ทำให้ปริมาณสาวกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงนี้

เอ้า…มาลองใช้ twitter กันเถอะ

Hmm…Upgrades!

กรุณาทำเสียงให้เหมือนนีโอตอนเจอกับ 3 เอเยนท์ ฉากต้นเรื่องใน The Matrix Reloaded ด้วยจะเป็นการดี
(อื้มมม..อัพเกรด!)

สองสามวันมานี้ใครเข้ามาในเวบคงแปลกใจที่มันแปลกๆ คือมันเข้าไม่ได้ อ่านไม่ออก จนถึงหน้าตาเปลี่ยน
เนื่องจากย้ายบ้านครับ ต้องขอขอบคุณ มาสเตอร์สุกรี ไว้ ณ ที่นี้ด้วย สำหรับคำแนะนำ และบริการประทับจิต

คราวนี้เลยได้บทเรียนและความรู้ท่วมตัวและเอาหัวรอด ไว้จะทยอยมาเขียนเป็นระยะๆ
แต่ที่น่าเศร้าก็คือบรรดาความคิดเห็นทั้งหลายที่เพื่อนๆ เข้ามาโพสไว้ หายเกลี้ยงเลย
เหลือแต่ซากอารยธรรม คือตัวเลขจำนวนที่อยู่ท้ายบล็อก ซึ่งถ้ากดเข้าไปก็จะพบว่ามันหลอกครับ
มีแต่จำนวน แต่ตัวคอมเมนท์น่ะไม่มีแล้ว แล้วถ้าใครไปคอมเมนท์เพิ่ม จำนวนก็จะถูกเซ็ตใหม่ให้เป็นตามจริงทันที
ตอนแรกก็ว่าจะลบทิ้งทั้งหมด แต่เปลี่ยนใจเก็บไว้ดีกว่า อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าแต่ละเรื่องมีคนเข้าพูดคุยด้วยแค่ไหน
เก็บไว้ในความทรงจำ…ฮ่าๆๆ ฮืออออ…

ที่คอมเมนท์หายไม่ใช่เพราะจากการย้ายโฮสต์แต่อย่างใด แต่มันเกิดขึ้นก่อนจะย้ายแค่วันเดียว
คือกำลังพยายามไล่ล่าลบสแปมคอมเมนท์ แต่มันกลายเป็นลบคอมเมนท์ดีๆ ไปด้วยได้ไงก็ไม่รู้
พยายามกอบกู้อยู่สามวัน ก็ไม่ได้ผล ก่อนจะได้คำพูดเตือนสติจาก @kengggg ว่า “หายถาวรนะพ่อหนุ่ม”
เลยทำใจได้ทันที (-“-)

มาปรึกษามาสเตอร์สุกรี ได้คำแนะนำที่ดียิ่ง ว่า…ย้ายมาไว้กับผมสิ
ที่ OpenFreeHost.com ก็กดเข้าไปดู เห็นชื่อแล้วนึกว่าของฟรี
แต่อ่านรายละเอียดแล้ว โอ้ว..ใช้ ssh ได้ด้วย
ความสามารถครบครัน ถึงจะไม่ได้ใช้ก็เถอะ เพราะเอาเข้าจริง ก็ให้สุกรีช่วยทุกอย่างเลย
หลังจากลองเองหลายตลบแล้วไม่ได้ผล สรุปว่า drupal ผมมันเก่าด้วย theme เก่าที่ใช้อยู่ก็ไม่ support php5
เลยให้สุกรีช่วยอัพเกรด
พร้อม import ข้อมูลทุกอย่างหมด ติดปัญหาขลุกขลักอยู่นิดหน่อย แต่ก็เรียบร้อยแล้ว
แถมโฮสต์ของสุกรีมีโปรโมชั่นใช้ drupal ลดราคา 20% ว้าว…
แต่บริการขนาดนี้เดี๋ยวผมจ่ายเต็มราคาเลย ถือว่าเป็นทิป
แต่เอ…หรือจะให้เป็นหนังดี เห็นช่วงนี้กำลังฮอต

นอกจากลดราคายังเป็นแบบใช้ก่อนจ่ายทีหลัง รับประกันความพอใจ…
คือถ้าไม่พอใจก็ย้ายออกได้ ไม่ต้องเสียตังค์ อืม..ก็แฟร์ดีเนอะ
(กว่าจะรู้ตัวว่าโดนหลอกให้มาเป็นลูกค้าก็หลวมตัวไปเต็มเปาแล้ว)
เอาล่ะ ไหนๆ ก็ย้ายมาแล้ว ใครมองหาโฮสต์ดีๆ อยู่ก็ตามมาได้เลยครับ
เดี๋ยวรายได้เค้าน้อยแล้วเลิกทำขึ้นมา บล็อกผมต้องเร่ร่อนอีก
โฆษณากันขนาดนี้แล้ว ปีแรกผมคงได้ใช้ฟรีแหงๆ

เดี๋ยวค่อยๆ ปรับแต่งอีกหน่อยให้เข้าที่เข้าทาง ก็หมดปัญหา ^_^
ข่าวดีสำหรับคนใช้ google reader ที่มีปัญหากับเวบนี้มานาน
ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีปัญหาอีกต่อไป ได้รับ feed อัพเดททุกครั้ง
ถ้าใคร add ไว้ก่อนวันนี้ แนะนำให้ลบก่อน แล้ว add ใหม่เลยนะครับ
เพราะก่อนเที่ยงคืนมันจะได้ feed ไปเป็น ??????

เอาล่ะ นอนตาหลับแล้วคืนนี้ แล้วจะขยันบล็อกบ่อยๆ ฉลองโฮสต์ใหม่ 😛