24 : The Series

เลขนี้นอกจากจะเป็นชื่อเพลงมันส์ๆ ของ Jem ศิลปินชาวเวลส์
ในอัลบั้ม Finally Woken ที่ใช้ประกอบในตัวอย่างหนังเรื่อง Ultraviolet
จนคนแถวนี้เอามาทำริงโทน ยังจะเป็นอะไรมากกว่านั้นได้อีก

เลข 24 ที่ทุกคนรู้จักดีที่สุดก็คือจำนวนชั่วโมงใน 1 วัน
(ส่วนเกร็ดอื่นๆ ที่ละเอียดกว่านี้ไปอ่านได้ที่วิกิพิเดียเหมือนเดิม)

24 เป็นซีรี่ส์แอ็คชั่นทริลเลอร์ที่ถือว่าดังมากเรื่องหนึ่ง หลังจากหมดยุคของ The X-Files
ล่าสุดในอเมริกากำลังฉาย season 5 อยู่
และดารานำในเรื่องเซ็นสัญญาที่จะกลับมาแสดงต่อไปอีก 3 ปี
แปลว่าเรามีโอกาสได้ดูเรื่องนี้อย่างน้อย 8 season
(ขณะที่ The X-Files ยุติไปใน season ที่ 9)

สงกรานต์ที่ผ่านมา ทำให้มีเวลานอนพักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆ
ผมออกจากบ้านวันที่ 13 ไปเลือกตั้ง สว.ล่วงหน้าแล้วก็ซื้อเสบียงมาตุนไว้
เพื่อจะได้ไม่ต้องออกไปไหนอีกเลยตลอดเทศกาลสงครามสาดน้ำนี้
ก็เลยได้นอนดูซีรี่ส์สุดมันส์เรื่องนี้ ซึ่งเป็น season ที่ 4 แล้ว
DVD 24 Seaon 1-4

เรื่องราวก็คือแจ็ค บาวเออร์ รับบทโดยคีเฟอร์ ซุทเธอร์แลนด์
(ลูกไม้หล่นใต้ต้นของโดนัลด์ ซุทเธอร์แลนด์)
คุณพ่อลูกหนึ่ง ที่ทำงานเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการภาคสนาม
ของหน่วยป้องการการก่อการร้าย สนง.ลอสแองเจลิส (CTU – Counter Terrorist Unit)
ที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาแต่ละชั่วโมงใน 1 วันแก้ปัญหาและต่อกรกับผู้ก่อการร้าย

เหตุการณ์ในเรื่องจะเดินไปตอนละ 1 ชั่วโมงตามเวลาจริง
day 4 นี่เริ่มบู๊กันตอน 7 โมงเช้าเป็นต้นไป

season นี้ไม่มีบทของคิม บาวเออร์ ลูกสาวสุดสวยของแจ็คแล้ว
หลายคนเสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้า (และอย่างอื่น) น้องเอลิชา คัทเบิร์ท
แต่มีข่าวว่า day 5 เธอจะกลับมาเล่นอีก
ถึงแม้ว่าบทนี้จะน่ารำคาญสุดๆ ใน day 2 ชนิดที่ผมต้องกด fwd ให้ผ่านๆ ไป
เวลาที่ตัวละครนี้ออกมา เพราะไม่สำคัญกับเนื้อเรื่องหลักเลย (แถมโชว์ทุยเกือบตลอดเรื่อง)
ดีขึ้นมาหน่อยใน day 3 ที่ได้เส้นสายของพ่อ(ในเรื่อง)
ทำให้มาได้มีบทเด่นขึ้นกับการการเข้ามาร่วมทำงานใน CTU
ใครอยากรู้จัก แต่ขี้เกียจดูซีรีส์ยาว 24 ชั่วโมง แนะนำให้ดู The Girl Next Door แทนได้เลย

The Girl Next Door

หลังจากดูจนจบ พบว่า 24 day 4 สนุกน้อยลงไปเยอะ จากที่ดูมาตั้งแต่ day 1
ที่ความสนุกจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุก season ขนาดที่ว่า จบตอนปุ๊บ ต้องรีบเปิดตอนต่อไปดูทันทีแบบ non stop
โดยเฉพาะ day 3 ที่หักมุมกันสุดยอดมาก ยิ่งตอนที่แจ็คไปถึงถิ่นพ่อค้ายาตอนกลางเรื่อง
ถ้าเป็นปกติดูจากเคเบิ้ลแล้วต้องรอตอนต่อไปในสัปดาห์หน้าคงลงแดงกันพอดี

ปีนี้บทมันเรื่อยๆ แอบมียืดนิดๆ ช่วงที่เริ่มเข้าครึ่งหลัง ฉากที่สนุกที่สุดก็คงเป็นตอนบุกรังเหล่าร้ายช่วงเที่ยง
กับตอนที่ตัวละครเก่าคนนึงกลับมา แล้วก็อีกนิดตอนหัวค่ำที่ลุยกับคอมมานโดรับจ้าง
โปรดักชั่นก็ดีขึ้นมาก season นี้นอกจากจะได้เห็น Air Force One แล้วยังมี F-117A Stealth
ออกมาโชว์ตัวด้วย แถมช่วงที่มันที่สุดก็ได้เห็น ฮ.คอบร้า ของนาวิกโยธินมาช่วยรุมผู้ร้าย

ถ้าให้เรียงลำดับความชอบ ก็คงเป็น 3-1-2-4

แผ่นสุดท้ายมีตัวอย่างนิดนึงของ day 5 แล้วก็หนังใหญ่ที่คีเฟอร์เล่นประกบกับไมเคิล ดักกลาส
คือ The Sentinel รู้สึกบทก็จะใกล้เคียงกันกับในซีรี่ส์นิดหน่อย ฝีมือผู้กำกับ S.W.A.T.
ซึ่งสำหรับผมว่าก็งั้นๆ นะ ไม่รู้เรื่องนี้จะทำดีขึ้นกว่าเดิมได้แค่ไหน

ความดังของซีรี่ส์เริ่มขยายไปถึงเพลย์สเตชั่นครับ มี 24: The Game ให้เล่น
เนื้อเรื่องเป็นตอนช่วงรอยต่อระหว่าง day 2 – day 3
ทำให้เห็นว่าคิม ลูกสาวแจ็ค มาทำงานให้ CTU ได้ยังไง
แล้วเชสมาเป็นคู่หูแจ็คได้ยังไง ไม่รู้จะมีช่วงที่แจ็คแฝงตัวไปกับกลุ่มพ่อค้ายาด้วยรึเปล่า
เพราะพูดถึงไว้ใน day 3 (แต่ละ season ระยะห่างในเรื่องจะประมาณ 18 เดือน)
ภาพกราฟฟิคก็ใช้เทคนิคยอดนิยม คือเลียนแบบหน้าตาท่าทางจากนักแสดงจริง
ดูแล้วก็น่าสนใจดีครับ

ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสก้าวไปถึง 24: The Movie เหมือนกับ The X-Files รึเปล่า
คิดว่าคงเขียนบทยากน่าดู เพราะจะกลายเป็นเวลาน้อยไป ทำให้เล่าเรื่องได้สั้นเกิน

ใครอยากดูติดต่อขอยืมได้ครับ ผมมี DVD ตั้งแต่ day 1 – 3 เลย
แต่ถ้าดูแล้วติดงอมแงมไม่หลับไม่นอนนี่ จะมาโทษกันไม่ได้นะ

รู้สึกดีใจนิดๆ ที่ไม่ได้ซื้อ day 4 มาด้วย
เกือบสอยของแท้ซะแล้วมั้ยล่ะ สองพันกว่าแน่ะ แต่ของก๊อปไม่ถึงพันครับ
ไว้รอ day 5 ออกแล้วค่อยว่ากันใหม่

ถ้ากระแสตอบรับดี วันหลังจะเขียนถึง CSI กับ Lost บ้าง…

April Fool’s Day is Coming…

เนื่องจากเสาร์อาทิตย์นี้ผมไม่มีโอกาสอยู่ใช้งานอินเตอร์เนทแน่ๆ
เลยคิดว่าคงพลาดเห็นปรากฏการณ์ วันโกหกแห่งโลก ที่ฮอตฮิตเป็นประจำทุกปีบนโลกไซเบอร์
(จริงๆ ผมว่าคงไม่มีใครโกหกแค่วันนี้วันเดียวหรอก)

ปีก่อนๆ มา เวบในบ้านเราส่วนใหญ่ก็พากันเล่นเป็นที่สนุกสนาน
แถมทำให้ผู้ใช้อินเตอร์เนททั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นทุกปีงงกันไปตามๆ กัน
ส่วนใหญ่ก็จะหลอกว่า เวบถูกปิด, เลิกทำเวบ, เลิกเขียนบล็อก, เลิกกับแฟน…(อันนี้เสี่ยงสุด)
เดาว่าเป็นการเช็คเรตติ้งเวบ(และคนเขียน)ไปด้วยในตัว

ส่วนยอดฮิตอันดับสองก็คือให้ความรู้เกี่ยวกับ April Fool’s Day ว่ามันคืออะไร เป็นมายังไง
ใครยังไม่รู้ก็ไปค้นหาอ่านกันเองนะ แนะนำที่ วิกิพิเดีย

ฝรั่งเค้าจัดอันดับเรื่องแบบนี้ไว้ด้วยครับ ดูได้ที่
The Top 100 April Fool’s Day Hoaxes of All Time
เชื่อแล้วว่าเค้าบ้าสถิติกันจริง นึกถึงคำพูดของ ศ.ดร.อัมมาร สยามวาลา
ที่เคยให้สัมภาษณ์หนังสือ GM ไว้เมื่อหลายปีก่อนว่า ‘ประเทศไทยมีระบบจัดเก็บสถิติที่ห่วยที่สุดในโลก’
อ่านแล้วขำปนเศร้าดีเหมือนกัน

ผมชอบเขียนถึงกูเกิ้ล คงจำกันได้ว่ากูเกิ้ลก็เล่น April Fool’s Day กับชาวโลกเกือบทุกปีเหมือนกัน
ครั้งแรกเมื่อปี 2000 เค้าโม้ว่าเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ ชื่อ MentalPlex มาพร้อมรูปก้นหอยหมุนๆ ให้งงเล่น
ปีต่อมาก็หลอกให้เราหาลูกเล่นแฝง (‘Easter Eggs’ คนชอบดู DVD จะคุ้นเคย) ในหน้าผลลัพธ์หลังกดค้นหา
ปี 2002 กูเกิ้ลเปิดตัวเทคโนโลยี PigeonRank (ปกติคือ PageRank) จัดอันดับหน้าเวบโดยใช้แรงงานนกพิราบ…(-_-“)
ปี 2003 เว้นไป มาอีกทีปี 2004 ก้าวหน้าสุดๆ ด้วยการประกาศเปิดสำนักงานสาขาดวงจันทร์ (จะมีใครเชื่อมั้ยนั่น)
ปีที่แล้วก็งดอีก

ใครอยากเห็นก็ลองเข้าไปดูในเวบกูเกิ้ล ตรงส่วน Holiday Logos เลยครับ
ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้กูเกิ้ลจะมามุก(มุข?)ไหน
ส่วนบ้านเรา ปีนี้หวังว่าจะมีลูกเล่นใหม่ๆ นอกจากปิดเวบกันได้แล้วมั้ง…

del.icio.us : A Collection of Favorites

เพิ่งฉายซ้ำเรื่อง RSS ให้น้องที่รู้จักกันไปอีกรอบ
เลยรู้สึกว่ายังมีคนไม่ค่อยรู้จัก Web 2.0 อีกมาก
แนะนำให้ไปอ่านบทความ What Is Web 2.0 ของ Tim O’Reilly เลยครับ
เค้าเขียนไว้ซักครึ่งปีได้แล้ว

ล่าสุด ตอนนี้หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจก็มี RSS Feed ให้บริการแล้ว
และมีข้อมูล RSS คืออะไร? ไว้ให้พร้อมสรรพ
นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ผมคิดว่าเดี๋ยวเวบอื่นๆ ก็คงจะทำเหมือนกันบ้างในไม่ช้านี้

วันนี้ก็เลยอยากมาแนะนำบริการ(ไม่)ใหม่บนเวบอีกตัวนึง
ซึ่งผมก็ได้ใช้งานมาพักใหญ่แล้ว ก็คือ del.icio.us

ดีลิเฌียส (ภาษาแบบพญาอินทรี ‘รงค์ วงษ์สวรรค์) ก็เหมือน Bookmark Online ดีๆ นี่เอง
ช่วยให้เราเก็บเวบที่ชื่นชอบไว้ แล้วยังแชร์ให้คนอื่นเข้าไปดูได้ด้วย
โดยสามารถแยกเป็นหมวดหมู่ด้วยการใส่เป็น Tag ให้มัน
แถมเรายังดูได้ด้วยว่าเวบที่เราเก็บเข้า del.icio.us มีคนเก็บมาแล้วกี่คน ใครบ้าง
คราวนี้ก็กลายเป็นเครือข่ายโยงใยกันไปหมด (ที่ BlogLines ก็คล้ายๆ กัน)
พอเราเข้าไปดูของคนอื่นๆ ก็ทำให้ได้รู้จักเวบใหม่ๆ ดีๆ เพิ่มขึ้นอีก

สะดวกมากครับ นึกถึงสมัยก่อนที่ผมต้องเซฟบุ๊คมาร์คพกใส่ thumb drive ตลอดเลย
เพราะต้องย้ายเครื่องทำงานบ่อย พอใช้บริการที่ดีลิเฌียสแล้วชึวิตก็ดีขึ้นเยอะ
แถมบน Firefox ที่ใช้ก็มี extension ของ del.icio.us ให้ด้วย
(ตอนนี้เอา Firefox ไปลงบนน้องเปิ้ลที่เพิ่งซื้อมาแล้ว หลังจากที่ทนใช้ Safari อยู่พักนึง)

ใครอยากใช้บริการก็ไปสมัครสมาชิกเลยครับ ฟรีและแถมยังง่ายนิดเดียวเอง
ของผมก็มีแชร์ไ้ว้เหมือนกันที่ del.icio.us/rerngrit หรือคลิกตรง Rerng’s del.icio.us ที่เมนู Links ก็ได้
ใครไปทำไว้แล้วก็เอามาโพสต์บอกกันบ้างนะครับ จะได้ตามไปดู… ^_^

จับเข่าคุยกัน

ได้อ่านบทความของ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์
แค่ขึ้นต้นก็รู้สึกถูกใจ เลยอยากเอามาลงไว้ที่นี่ด้วย
อาจารย์ท่านว่าอย่างนี้ครับ

“จับเข่าคุยกัน” ฟังดูดี แต่ขอโทษเถิด มีที่ไหนในโลกนี้สามารถแก้ความขัดแย้งทางสังคมได้ด้วยวิธีนี้บ้าง?
อย่าว่าแต่ความขัดแย้งซึ่งเกี่ยวกับเรื่องของส่วนรวมเลย
แม้แต่ความขัดแย้งในทางส่วนตัว การจับเข่าคุยกันก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายๆ

ที่เหลือไปหาอ่านกันต่อนะ
จาก มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1335
หน้าปก ประชาประกาศชัย
บนเวบเค้าก็มีให้อ่านย้อนหลังได้ครับ

ผมเป็นแฟนมติชนมานานแล้ว งานหนังสือประจำปีที่ศูนย์ประชุมฯ สิริกิติ์
ก็ต้องแวะเยี่ยมบู้ทสำนักพิมพ์นี้แล้วก็เสียเงินทุกที

ชอบความคิดหลายๆ คนที่นี่ อย่างน้อยเรื่องการเมืองตอนนี้
มาอ่านที่มติชนหรือกรุงเทพธุรกิจก็จะโอเคหน่อย
ไม่ใช่สุดขั้วเอาแต่สะใจเหมือนผู้จัดการ อันนั้นมันก็เกินไปนิดนึง

อีกอย่าง…ผมไม่ชอบพวกทำลอยตัวเหนือปัญหาของบ้านเมืองตอนนี้
ด้วยการประกาศว่าตัวเองเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
สังเกตจากผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนชอบให้สัมภาษณ์แบบนี้
เพราะมันไม่ช่วยอะไรเลย แต่ก็คงเพราะไม่รู้จะตอบยังไงด้วยมั้ง
มันเลยทำให้หลายคนพากันเป็นกลางตามๆ กันไปหมดอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง
ประมาณว่า ใครจะเป็นยังไงฉันไม่สน ขออยู่ตรงกลาง ปลอดภัยไว้ก่อน
ทำมาหากินของตรูอย่างเดียว…

ต้องขอเลียนแบบคำโปรยของโปสเตอร์หนัง X-Men 3 : The Last Stand มาใช้หน่อย
“Take a Stand.” ถึงเวลาต้องเลือกข้างแล้วครับ

ไม่จำเป็นต้องสุดขั้วไปทางไหนก็ได้ เพราะหลายอย่างของฝ่ายพันธมิตรก็มีที่ผมไม่ชอบใจเหมือนกัน
เลือกข้างในที่นี้คือจะเอาทักษิณหรือไม่เอาทักษิณก็พอ
ไม่ใช่จะอยู่ข้างทักษิณหรือจะอยู่ข้างสนธิ อย่างที่มีคนพยายามจะชี้ชวน
เพราะตอนนี้อย่างน้อยผมก็รู้ตัวแล้วครับ ว่าอยากได้รัฐบาลนี้ต่อรึเปล่า…

เอ่อ…สงสัยเพราะควันหลงจากที่ดู V for Vendetta แล้วอินจัดไปหน่อยแฮะวันนี้ 😛

Rerng®IT switches to Mac

ในที่สุดก็ตัดสินใจถอย iBook G4 มาแล้วครับ
หลังจากจดๆ จ้องๆ มาเป็นปี แล้วมันก็ลดราคาลงมาพอให้เอื้อมถึงจนได้

My iBook

กลับมาเปิดเครื่องเล่นทำนู่นทำนี่ให้แบตหมดไปก่อนเลย 1 รอบ แล้วก็ชาร์จไฟซะ
เอาพวกโปรแกรมไม่จำเป็นทั้งหลายที่ติดมากับ OS X ออกซะบ้าง
ไม่รู้ลงอะไรมาให้ตั้งมากมาย กินฮาร์ดดิสไปตั้ง 20 GB
แล้วก็ลง Xcode เอาไว้เขียนโปรแกรมเล่น (ทำไมมันไม่ลงมาให้เลยนะ อยู่ในแผ่นติดตั้งแท้ๆ)

ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ให้มีโปรแกรมละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ในเครื่องเลยแม้แต่ตัวเดียว (แต่ยังแอบมี MP3 ที่ rip ไว้ฟังเอง)…(-_-“)
เพราะยังไงก็ไม่ได้ใช้พวกตระกูล Adobe อยู่แล้ว ส่วนชุด Office ก็ใช้พวก Opensource อย่าง NeoOffice เอา
ตอนนี้ก็ทยอยดาวน์โหลดโปรแกรมที่จะใช้มาลงให้ครบๆ อันแรกก็ไปโหลด NetBeans ก่อนเลย
คราวนี้จะได้เขียน Tiger (Java 5.0) บน Tiger (OS X) ซะที ^_^

แอบบ่นมันนิดนึง เห็นตัวเล็กๆ หน้าจอ 12 นิ้วแค่นี้ แต่หนักตั้งสองโลแน่ะ
และที่น่าหนักใจอีกอย่างคือ มันเลอะง่ายชะมัดเลย
แถมต้องมานั่งคิดอีกว่าจะเอาอะไรมาใช้แทน MSN ดี