Ip Man ยิปมัน จ้าวกังฟูสู้ยิบตา

ถ้าไม่รู้ว่าเป็นหนังจีนกังฟูคงอ่านชื่อหนังเรื่องนี้ว่า ไอพีแมน – -”
ip-man

หนังเป็นเรื่องราวของปรมาจารย์กังฟูชื่อยิปมัน ที่โด่งดังมากเพราะภายหลังเป็นครูมวยที่มีลูกศิษย์มากที่สุด
หนึ่งในนั้นมีอดีตดารานักบู๊ บรูซ ลี ด้วย
เปิดเรื่องมาจะได้เห็นว่ายิปมันค่อนข้างจะเป็นคนน่าอิจฉา อยู่บ้านหลังใหญ่ ครอบครัวอบอุ่น
มีเมียสวย ลูกน่ารัก แต่งตัวดีทุกคน เข้าใจว่าน่าจะเป็นตระกูลผู้มีอันจะกินในชุมชนคนนึง
แล้วก็เก่งมาก แต่ถ่อมตัว ไม่เคยอวดอ้างและไม่รับลูกศิษย์ ทั้งที่เมืองนี้มีสำนักมวยมากมาย
และมักจะมีคนมาขอ “แลกเปลี่ยนวิทยายุทธ” บ่อยๆ คือมาท้าสู้นั่นแหละ ยิปมันก็เหมือนเป็นฮีโร่ของชุมชนด้วย
แล้วก็มีจุดหักเหช่วงญี่ปุ่นบุกจีนตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ชีวิตต้องลำบาก
บ้านโดนยึดเป็นกองบัญชาการทัพญี่ปุ่น แล้วก็ตามสูตร ต้องมีนายทหารญี่ปุ่นชอบต่อสู้
เอาคนจีนไปซ้อมเล่น เราก็จะได้เห็นกังฟูปะทะคาราเต้อย่างเมามัน

หนังดูสนุกและเพลินมาก ฉากต่อสู้รุนแรง สมจริง แบบที่นิยมในช่วงนี้
หลังจากที่ไปเห่อแนวเหาะเหินเดินอากาศแบบท่าสวยสไตล์หยวนวูปิงมานาน
อันนี้คิวบู๊คุมโดยหงจินเป่า (แต่ก็ไม่ใช่แนวเล่นจริง เจ็บจริงนะ ยังมีใช้สลิงบ้าง)
ตัวอาจารย์ยิปมันรับบทโดยเจิ้นจื่อตัน ที่เดี๋ยวนี้ต้องเรียกว่า ดอนนี่ เยน แล้ว
พักนี้เค้าเล่นหนังบ่อยมากจริงๆ เรื่องนี้เหมือนโฆษณากันว่าเป็นบทที่ดีที่สุดในชีวิตของเค้า
ผมว่าจริงนะ บทมันดีจริงๆ หนังก็ทำได้ดีด้วย แล้วก็ไม่ได้น้ำเน่าจนน่าเบื่อ เห็นว่าปีนี้กำลังจะมีภาค 2 ออกมา
แล้วก็ยังจะมีเวอร์ชั่นของเฮียหว่องกาไว ที่จะให้เหลียงเฉาเหว่ยแสดงเป็นยิปมันอีกด้วย ไม่รู้จะออกมาเป็นไง
แต่หลายคนก็รอดูกัน เพราะแฟนเดนตายชอบหนังของผู้กำกับแนวเปลี่ยวเหงาตัวพ่อก็มีอยู่ไม่น้อย

เทียบกับเรื่องเก่าคือ Flash Point (ลุยบ้าเลือด) ที่ดอนนี่เล่นกับผู้กำกับคนเดียวกันนี้ ใครๆ ก็บอกว่าสนุก
แต่ผมว่าไม่สนุก คิวบู๊มันดิบๆ ทุลักทุเลไงไม่รู้ เลยไม่ชอบ บทก็เชย แบบหนังตำรวจกับมาเฟีย
หรือเรื่องใหม่หน่อยอย่าง 5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น ก็ยังไม่ชอบเท่าไหร่
แต่กับ Ip Man นี่ พวกฉากตัวละครเก่งๆ สู้กัน (ซึ่งก็มีแค่ 3-4 ฉากเองนะ) มันสนุกดี
ถ้าวัดระดับความสนุกได้ ผมว่ามันสนุกพอๆ กับตอนที่อ่านการ์ตูนโคทาโร่ภาคศึกชิงจ้าววิทยายุทธทั่วประเทศเลยแหละ
หรือเทียบกับหนังแนวประลองยุทธด้วยกัน ผมชอบเรื่องนี้มากกว่า Fearless ของหลี่เหลียนเจี๋ยเยอะเลย

จำไม่ได้ว่าหนังได้เข้าฉายบ้านเรารึเปล่า แต่ได้ยินมาเยอะว่าสนุกเพิ่งมีโอกาสได้ดู
แผ่นแท้ราคาแค่ 79 บาท ถ้าเจอก็หยิบได้เลยไม่ต้องคิด เริ่มหายากแล้ว หมดไปหลายร้าน
ผมไปคุ้ยได้จากร้านบูมเมอแรง สาขาฟอร์จูน แต่ปกดีวีดีเวอร์ชั่นบ้านเรามันรกไปหน่อย

ช่วงหลังห่างวงการหนังจีนมานาน ถ้าใครจำได้ เกือบยี่สิบปีก่อนหนังจีนฮ่องกงเฟื่องฟูในบ้านเราสุดๆ
มีนิตยสารหนังจีนโดยเฉพาะเลย ชื่อ โกลด์สตาร์ ผมซื้อตั้งแต่เล่มแรก
หน้าปกโจวเหวินฟะในเรื่อง Full Contact (บอกโลกว่าข้าตายยาก) ที่มาถ่ายทำในเมืองไทยด้วย
จำไม่ได้ว่าหนังสือออกมาได้กี่ปี ตอนนี้มีหนังจีนดีๆ ให้ดูบ่อยขึ้น จับตาไว้ให้ดีนะครับ
รู้สึกว่าเทรนด์หนังจีนกำลังกลับมาแล้ว (ขอทำนายกะเค้ามั่งเหอะ) 😛

ปล.ถ้าได้ดูแล้ว แนะนำให้อ่านบล็อก Made In Hong Kong ด้วยครับ ข้อมูลแน่นมากตามประสาแฟนหนังจีนตัวจริง 😉
Ip Man – ยิปมัน จ้าวกังฟูสู้ยิบตา (2008, Wilson Yip)

ปั่นท้าแดด กรุงเทพ-หัวหิน

หลังจากประสบความสำเร็จพอควรจากการปั่นกรุงเทพ-สุโขทัยคราวก่อน
คราวนี้เลยลองปั่นลงใต้บ้าง ครั้งนี้ไม่มีการเตรียมตัวอะไรกันเลย
แค่ตั้งใจว่าสิ้นเดือน 27-28 กุมภาจะปั่นไปหัวหิน ปั่นสบายๆ คงใช้เวลา 2 วัน
เพราะทริปที่แล้วก็ปั่นกันได้วันละร้อยกว่าโล ตอนแรกว่าจะไปกันทั้งบ้านสามคน
แต่ @ipats ติดธุระต้องไปงานแต่งงานเพื่อน แล้วจะตามไปทีหลัง
ตอนแรกเลยเหลือแค่ผมกับโน่ @hypermale
ก่อนพี่ก๊อง @jirakul จะมาสมทบเป็น 3 คนในตอนสายหลังจากอิดออดอยู่นาน 😛

เช้าวันเสาร์ออกเดินทางจากบ้านแต่เช้า ขึ้น BTS ไปลงปลายทางสถานีวงเวียนใหญ่
on BTS Mo Chit to Wongwian Yai

IMG_0461

แล้วปั่นต่อไปจนทะลุถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายไปทางพระราม 2 แวะกินข้าวเช้าในปั๊มเชลล์พระรามสอง
รอพี่ก๊อง @jirakul อยู่ที่ปั๊มจนสิบโมง พี่เค้าก็ปั่นจากบ้านบางบัวทองมาสมทบ
ครบ 3 คนแล้วก็ออกลุย นี่เป็นทริป Kona Stinky ล้วนๆ เลย
รถทั้ง 3 คัน ได้แก่ Stinky ของโน่, Stinky Deluxe ของพี่ก๊อง แล้วก็ Stinky Air ของผม
น่าไปขอสปอนเซอร์เนอะ ว่ารถฟรีไรด์ก็ปั่นทางไกลได้ด้วย ซื้อใช้แล้วคุ้ม 😀

เส้นทางถนนพระรามสองรถเยอะพอควร ช่วงแรกยังสบายๆ ปั่นไปเรื่อยๆ
มีรถบรรทุกเยอะเหมือนกัน พักเดียวก็เข้าเขตสมุทรสาคร
IMG_0465

บ่ายสองก็ถึงสมุทรสงคราม
IMG_0470

วิวสองข้างทางเป็นทุ่งนา…เกลือ! สลับโรงงานอุตสาหกรรม แทบไม่มีต้นไม้เลย
ร้อนสุดๆ แถมไหล่ทางก็กว้าง กว้างจนกลายเป็นเลนให้รถยนต์นิสัยเสียใช้เป็นเลนแซงซ้าย
และรถมอเตอร์ไซค์ใช้เป็นเลนสวน จะมีมอเตอร์ไซค์ขับสวนมาแทบจะทุก 10 นาที
ต้องคอยระวัง มัวแต่ก้มหน้าก้มตาปั่นอาจซวยได้

ที่เลวร้ายที่สุดคือมีลมพัดต้านด้วยครับ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเจออุปสรรคนี้
ตอนปั่นขึ้นเหนือไม่เคยเจอ ลมแรงมาก ทำให้ต้องออกแรงเหมือนปั่นขึ้นเนินตลอดเวลา
และที่โหดเข้าไปอีก คือเส้นทางสายใต้มีสะพานเยอะมากครับ
นึกสงสัยว่าสมัยก่อนที่พี่ @pphetra ปั่นไปภูเก็ตมันมีสะพานเยอะแบบนี้รึยัง
ทั้งสะพานข้ามคลอง สะพานข้ามทางรถไฟ แล้วก็สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน กับแม่น้ำแม่กลอง
พวกสะพานข้ามคลองไม่เท่าไหร่ เพราะไม่ชัน
แต่สะพานข้ามทางรถไฟ กับสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่ ผมต้องลงเข็นสถานเดียว

ข้างถนนจะมีแผงขายเกลือ ปลาทูแม่กลอง ขนมจาก มันร้อนแล้งจริงๆ
ได้ความรู้เพิ่มว่านาเกลือ นอกจากจะทำเกลือแล้ว ยังมีผลผลิตอีกสองอย่าง
คือ ดอกเกลือ เป็นเกลือที่จับตัวลอยขึ้นมาก่อน จะเม็ดละเอียด เค้าก็ช้อนมาขาย
ที่เหลือพอน้ำทะเลแห้งหมดทั้งแปลงนาก็จะเป็นเกลือเม็ด ส่วนพื้นนาก็จะเป็นปุ๋ยขี้แดด
บางร้านก็เรียกว่า หนังหมา เอามาขายได้อีก

ก็ก้มหน้าก้มตาปั่นไปเรือยๆ ครับ จุดหมายอีกไม่ไกล
-5

จนถึงประมาณแถว กม.72 ราวห้าโมงเย็น แวะปั๊ม ปตท. หาของกินรองท้องนิดหน่อย
เติมน้ำด้วย คราวนี้ไม่ได้พกเป้น้ำมาเลย หาซื้อข้างทางอย่างเดียว
ออกจากปั๊มก็เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางเลียบป่าชายเลน ทางนี้จะสั้นกว่าเส้นทางหลักเล็กน้อย
แต่ถนนจะแคบ ดีตรงที่รถไม่เยอะ แล้วก็มีร่มเงาบ้าง แต่ก็ยังลมแรงมาก -*-

สะพานข้ามอ่าวบางตะบูน
สะพานข้ามอ่าวบางตะบูน

พอพระอาทิตย์ใกล้ตกมันสวยดีครับ แล้วก็เจอสะพานนรกตรงปากน้ำเพชร

เข็นเท่านั้น ไม่ต้องคิดมาก

พอฟ้ามืด ยังอยู่แค่ อ.บ้านแหลม เปิด GPS ดูกันพบว่าอำเภอนี้ไม่มีโรงแรมเลย
ต้องกัดฟันปั่นต่อไปอีกประมาณ 15 กม. เพื่อเข้าตัว อ.เมืองเพชรบุรี
แถวนี้ผู้คนใจดีครับ โบกมือทักทายตลอดทาง แต่หมาดุมาก ต้องออกแรงปั่นหนีอยู่เรื่อยๆ
ไม่กลัวหมากัด แต่กลัวมันวิ่งชนรถล้ม 😀

ช่วงนี้ได้เห็นคอนโดฯนกนางแอ่นด้วย แถวนี้เลี้ยงกันเยอะ
ตอนเห็นตึกใหญ่ๆ นึกว่าเป็นโรงแรมหรืออพาร์ทเมนท์ แต่พอเห็นใกล้ๆ ถึงรู้ว่าเป็นอาคารที่สร้าง
ให้นกนางแอ่นมาทำรัง มีการเปิดเสียงนกล่อให้นกเข้ามาอยู่ด้วยนะ

สองทุ่มก็มาถึงโรงแรมรอยัลไดมอน คืนแรกนอนที่นี่แหละ ป้าร้านค้าข้างทางที่แวะกินน้ำแนะนำมา
ว่าเป็นโรงแรมอันดับหนึ่งของเมืองเพชร ก็ไปเช็คอิน คืนละ 900 บวกเตียงเสริมอีก 350 บาท
มีห้องเก็บของให้เอาจักรยานไปซุกได้ อาบน้ำกันแล้วก็ออกไปกินข้าวร้านพวงเพชรใกล้ๆ โรงแรม
ไปถึงครัวกำลังจะปิดพอดี เลยรีบสั่งแบบมึนๆ แต่อาหารก็อร่อยดีครับ
IMG_0473

เช้าอีกวันออกเกือบเก้าโมง เหลืออีกไม่ถึงร้อยกิโลเมตร ตอนเช้าไม่มีลมต้าน ค่อยยังชั่วหน่อย
แต่พอใกล้ๆ เที่ยงก็มาอีกแล้ว จากที่เคยปั่นได้ 20 กม./ชม. เจอลมเข้าไปเหลือไม่ถึง 15 กม./ชม.
กะเอาจากหลักกิโลข้างทาง ช่วงนี้พักบ่อยหน่อย
-6

ถึงชะอำประมาณเที่ยง แวะพักกินน้ำแล้วก็ลุยต่อ แล้วก็มียางรั่วกันจนได้
แต่เรื่องเล็กครับ แก้ไขแป๊บเดียวก็ปั่นต่อฉลุย
IMG_0494

บ่ายสองครึ่งก็ถึงหัวหินเรียบร้อย เสียดายไม่ได้แวะถ่ายรูปกับแลนด์มาร์คสำคัญๆ ทั้งหลายเลย
ผ่าน “เพลินวาน” ด้วย อยู่ฝั่งตรงข้าม คนเยอะมากอย่างกับมีของแจกฟรี – -”

เข้าเมืองหัวหินก็เลี้ยวเข้าซอยหัวหิน 55 ไปร้าน Cool Kitch’n ของเพื่อนนาย @hypermale
ก็เจอมิ้นต์ น้องในกลุ่มเมเจอร์ไบค์ กับ @ipats มารออยู่แล้ว ไม่รู้แซงมาตอนไหน คลาดกันไปนิดเดียว
ไม่งั้นคงได้ฝากกระเป๋าใส่รถ จะได้ปั่นสบายๆ มาด้วยซะหน่อย

เจอน้องโมทย์ นักปั่นที่หัวหินแวะมาทักเพราะเห็นจักรยานจอดอยู่หน้าร้าน นึกว่าเราจะมาดาวน์ฮิลกัน
ก็มานัดแนะว่าตอนเย็นๆ ค่ำๆ อาจไปปั่นเล่นด้วยกันหน่อย (แต่สุดท้ายก็ไม่มีแรงไป)

กินข้าวกินปลากันแล้วก็ปั่นไปร้านกาแฟนิดนึง
-3

ก่อนจะปั่นต่อไปบ้านพักเพื่อนบนเขาหินเหล็กไฟ อีก 5 กม. ไม่ไกล แต่แอบมีเนินเขาชันอีกเป็นด่านสุดท้าย
บ้านอยู่ในหมู่บ้าน La Valee หรูเชียว ยามเข้มงวดดีด้วย ก็แลกบัตรเข้าไป
-1

เข้าบ้านได้ก็อาบน้ำอาบท่า ออกมากินข้าวตอนเย็น แล้วก็เพื่อให้มาถึงหัวหินจริงๆ
ผมกับพี่ @jirakul เลยไปหาหมอนวดกัน 😀
น้องโมทย์ที่มาชวนให้ไปดาวน์ฮิลเล่นด้วยกันบนเขาเป็นเจ้าของเกสต์เฮ้าส์แล้วก็มีบริการนวดด้วย
เลยไปนอนนวดเท้ากันสบายใจ ชม.ละ 200 กลับถึงบ้านพักก็หลับเป็นตาย
IMG_0507

วันรุ่งขึ้นบ่ายๆ ก็เอาจักรยานใส่รถยนต์กลับ ทิ้งรถไว้ที่นู่นสองสามคันที่ใส่มาไม่หมด
ไว้อาทิตย์ที่ 14-15 มี.ค. ค่อยกลับไปเอาตอนงานว่าวนานาชาติ ที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน

ขากลับแวะซื้อปลาทูแม่กลองมาทอดกิน แล้วก็ซื้อดอกเกลือมาถุงนึง ดูซิว่าจะเค็มมากน้อยกว่าเกลือธรรมดาแค่ไหน
ถุงละ 20 บาทเอง ได้ประมาณ 2 กิโลกรัมมั้ง
ถึงบ้านทุ่มนึง เอาน้องแอร์ที่แยกร่างกลับมาประกอบเก็บ เป็นอันจบทริป
IMG_0509

สรุปทริปนี้ปวดขาเล็กน้อยจากการปั่นต้านลม หน้าไหม้ไปเลยเหมือนกันเพราะแดดแรง
ตอนนี้จมูกกำลังลอกได้ที่ ต้นคอด้านหลังนี่ยังแสบไม่หาย หน้าผากก็ดำ
ข้อมือดำเป็นรอยต่อตรงปลายแขนกับถุงมือ เสื้อแขนยาวไม่ช่วยอะไรเลย T_T

รูปที่เหลืออยู่ใน Flickr เหมือนเดิม ทริปนี้ถ่ายวีดีโอมาด้วย
ขอบคุณ @tpagon ที่ให้ยืม Sony Bloggie มาลองเล่น ภาพชัดเชียวแหละ
แปะไว้อันนึงใหัฟังเสียงลมกัน ที่เหลือถ้าอยากเห็นก็ไปดูที่ Majorbike ต่อละกันนะครับ

ปล.ทริปปั่นรอบนี้ทำให้ต้องพลาดการไปเยือนปายและร่วมงานแต่งงาน @sweetener กับ @iMenn ได้แต่ร่วมส่งของขวัญวันแต่งไปกับ @inanza แทน ขอให้มีความสุขกันทั้งคู่นะครับ ^_^

เนื้อคู่รู้แล้วว่าใคร

วันนี้ตื่นแต่เช้าครับ มีนัดสุดพิเศษกับทีมงาน GTH ไปเยี่ยมกองถ่ายละครเนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร
ไปร่วมสนุกกับเค้าแล้วได้เชิญไป เลยชวน @ipats ให้ตื่นเช้าไปด้วยกันอีกคน
ผมเป็นแฟนซิตคอมเรื่องนี้เพราะชอบตัวละครโจศักดิ์ ชาญนารี (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) ชอบมากกกก…
ไม่เชื่อ?…ก็ได้ จริงๆ ก็ชอบน้องพัลลภา ศุภอักษร (@paulataylor) ด้วย ถึงได้ร่วมเล่นเกมกับเค้า 😛
-17
“ขวัญใจ” ในจอและนอกจอ ^_^

นัดเจอกันที่เมเจอร์นนทบุรี เพิ่งเคยได้ยินว่ามี ดีที่เค้าเมลแจ้งรายละเอียดพร้อมแผนที่มาให้
ถึงรู้ว่ามันคือห้างริเวอร์พลาซ่าเก่าที่ตัวเมืองนนทบุรีเลย สตูดิโอที่จำลองเป็นห้องต่างๆ ของคอนโดฯ สวัสดีทวีสุข
อยู่ชั้นบนของห้าง ก็เดินขึ้นไปกันตอนสิบโมงครึ่ง ห้างเพิ่งเปิด โซนโรงหนังยังไม่เปิดเลยได้เหงื่อเล็กน้อย
รูปเยอะหน่อยนะครับ อาจโหลดช้านิดนึง ใครไม่ใช่แฟนละครหรือไม่ชอบพอลล่า อนุญาตให้ข้ามไปได้เลย
ขึ้นไปชั้นบนก็เจอป้ายเลย
-25

บรรยากาศด้านนอกของกองถ่าย ข้างในกำลังถ่ายทำกันอยู่ มีเสียงลอดออกมาพอได้ยินบ้าง
-24
-21

เราต้องรอเค้าพักกองตอนบ่าย เลยไปนั่งรอที่คริสจักรที่อยู่ชั้นเดียวกันไปก่อน
-18

ตอนนี้ทีมงานเอาเสื้อมาแจก แจ๋วเลย 🙂
-19

ระหว่างนี้ก็แนะนำทักทายกันเป็นพิธี ซักพัก คุณเดียว วิชชา โกจิ๋ว โปรดิวเซอร์ของละครก็มาคุยให้ฟัง
ถึงการทำงานเบื้องหลัง การเขียนบท รวมทั้งเรตติ้งว่าเดิมตอนอยู่ช่วงบ่ายวันเสาร์ช่อง 9 มันเกือบไม่รอด
จนต้องเว้นไปนานครึ่งปี ก่อนจะมาได้เวลาใหม่ตอนสี่ทุ่มวันจันทร์ทางช่อง 5 แทน แล้วจากละครเรท ท.ทั่วไป
กลายมาเป็นเรท น.18 ทำให้เริ่มมีมุกแรงขึ้นบ้างอะไรบ้าง
-20

ก่อนจบพี่เดียวให้เสนอความเห็น ว่าอยากให้ละครเป็นยังไง
อยากเสนอว่าคาแร็คเตอร์คุณวี มันดูไม่ฉลาดสมจริงเท่าไหร่
ผมอยากเห็นคาแร็คเตอร์ฉลาดๆ แบบในซีรี่ส์ Big Bang Theory
ภาพพจน์คนฉลาด หรือนักวิทยาศาสตร์บ้านเรามีแต่หลอดทดลอง น้ำยาเคมีหลายสี
หรือไม่ก็สิ่งประดิษฐ์ประหลาดๆ ไม่ค่อยมีคนฉลาดแบบคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์บ้างเลย

แล้วก็ให้ช่วยกันเสนอแขกรับเชิญว่าอยากให้มีใครมาเข้าฉากบ้าง
อันดับหนึ่งคือหมวดโอภาส (เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) จากสายลับเดอะซีรี่ส์
พี่เดียวบอกว่าคาแร็คเตอร์นั้นเกือบได้มาเล่นแล้วตั้งแต่คราวก่อน แต่โดนตัดจบไปซะก่อน
คือตอนจบซีซั่นก่อน พอลล่าถูกจับตัวไปกับโจ แล้วต้องมีตำรวจไปช่วย ซึ่งก็ควรจะเป็นหมวดโอภาสนี่แหละ

อีกอย่างคือถ้าตอนไหนมีแขกรับเชิญ นักแสดงประจำที่รับบทรองลงมาก็จะโดนตัดบทไปเพราะงบน้อย – -”

เที่ยงก็กินข้าวกันก่อนเพราะเค้ายังถ่ายกันไม่จบ

เปลี่ยนเป็นเสื้อที่ได้รับแจก คราวนี้ทุกคนก็สีชมพูล้วน
หนุ่มๆ สาวๆ เต็มไปหมดเลย ดูตัวเองกับ @ipats แล้วคะเนได้ว่าเราสองคนจะอาวุโสสุด – -”
P2151616

ทีมงาน GTH
P2151618

กินเสร็จแล้วก็ได้เวลาเข้าไปด้านในซะทีครับ

ตอนแรกก็ไปดูบรรยากาศตรงมอนิเตอร์ผู้กำกับ
-13

พี่มุก ปิยะกานต์ บุตรประเสริฐ (พี่อ้อยในโฆษณาสมูทอี)
-14
ผู้กำกับหญิงสุดสวย ตัวจริงน่ารักมาก น่ารักแบบเซอร์ไพรส์เลย เห็นในโฆษณานึกว่าจะอ้วน
แถมแต่งตัวเซ็กซี่อีก (ผมเรียกชุดเสื้อเชิ้ตยาวกางเกงสั้นจู๋แบบนี้ว่า ชุดตื่นนอนตอนเช้าที่บ้านผู้ชาย) 😛
P2151687

เก้าอี้ผู้กำกับ เค้าลุกไปแล้วเลยเพิ่งสังเกต
-6

นั่งดูมอนิเตอร์กับผู้กำกับก็ดีเหมือนกัน ได้เห็นบรรยากาศการทำงานอีกแบบนึง
มีจอหลายๆ จอตัดสลับไปมา การถ่ายทำคล้ายๆ เล่นละครเวทีเลย
ผู้กำกับก็สั่งงานผ่านวิทยุสื่อสารอีกที แอ็คชั่น คัท ตัดกล้อง ซูมเข้าออก

ประมาณบ่ายโมงก็พักกอง ได้เวลาบุกเข้าไปในสตูดิโอแล้ว เย้
ช่วงนี้ห้อยกล้องไว้ระดับอก แล้วก็รัวชัตเตอร์ไปตามมีตามเกิด ไม่เล็งแล้ว ยิงมุมกว้างโลด
P2151624
P2151625

นักแสดงอยู่กันครบ สปอตไลท์ ไฟสว่าง ออร่าเปล่งประกายทั่วห้องมาก
ผมโฟกัสสายตาไปที่พอลล่าคนเดียว เธอแจกยิ้มสบตาทุกคนอย่างมืออาชีพ ^_^
P2151627

เข้าไปก็ถ่ายรูปรวมก่อนเลย แล้วก็มีเวลาให้เราถ่ายรูปกับคนนู้นคนนี้ได้อีกแป๊บนึง
เพราะเดี๋ยวนักแสดงจะไปพักกินข้าวกัน
66121656

ผมเดินไปขอจับมือพี่ซันนี่ก่อนใครเลย ตามประสาคนรักคนชอบ 😛
เสร็จแล้วเราก็บุกเข้าจุดประสงค์ที่แท้จริงทันที ผลัดกับ @ipats คนละช้อต
P2151634
P2151633
นอนตายตาหลับแล้วชาตินี้ T_T

ฮือ…ซาบซึ้ง
P2151632

แขกรับเชิญของการถ่ายทำวันนี้เป็นน้องแจ็ค จากหนังแฟนฉัน
เห็นว่าบทนี้เคยมาในเรื่องแล้วเป็นชาตรี น้องชายของโอปอลล์ แต่ผมจำไม่ได้แฮะ

ถ่ายกับคุณรุจน์บ้าง
P2151636

ต้นข้าวกับต่อ ต้นตระกูล/ต่อตระกูล มณีประเสริฐสิทธิ์
P2151639
ตามไปถ่ายกับฝาแฝดคู่นี้ต่อที่บาร์GAYเร ชอบชื่อบาร์มาก คนตั้งเก่ง เข้ากับตัวละครสุดๆ
P2151677

พี่ธิดา สวยและเป็นกันเอง น่ารักมากครับ ^_^
P2151643

ไปบุกห้องสุดหล่อบ้าง
P2151647

ห้องคุณวี เค้ากำลังจัดไฟ เลยไม่ได้เข้าไป
-11

มาที่ห้องนั่งเล่นของขวัญใจ
P2151650

แล้วก็ห้องนอน ได้นอนเตียงเดียวกับขวัญใจแล้ววววว!!!
P2151644
P2151663

ประตูสามบานสัญลักษณ์เปิดปิดเรื่องของซีซั่นเก่า จำไว้ ขวัญใจอยู่ห้อง 602
P2151684

ออฟฟิศนิตยสารเก๋ไก๋ปลายสัปดาห์ของธิดา
P2151679

ออฟฟิศ Super Goods Direct Sale ของเฮียภูผา
P2151683

ร้านตุ๊ดซักรีดกับมินิมาร์ทอยู่ห้องเดียวกัน
-9

ผ่านไปซักชั่วโมง ก็ได้เวลาชาวคอนโดฯสวัสดีทวีสุข กลับมาเข้าฉาก เราก็ต้องฉากออกไป
กลับไปนั่งดูละครเนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร ตอนที่ 7 จะออนแอร์คืนนี้ (15 ก.พ. 53)
สนุกมาก ไม่มีโฆษณาคั่นให้เสียอารมณ์ จอก็ใหญ่กว่าดูที่บ้าน
มีคุณพี่โฉม กับฝาแฝดต่อ ต้น ในเรื่องมานั่งดูด้วย เฮฮากัน

สุดท้ายก็เล่นเกมแจกเสื้อของทางเซ็นทรัลวายคลับที่พาสมาชิกบางส่วนมาร่วมงานด้วย
ได้เสื้อยืดมาอีกตัว แต่สงสัยจะใส่ไม่ได้มันเล็กไปนิดนึง
สี่โมงเย็นก็แยกย้ายกลับบ้าน

ได้พูดคุยกับคุณเข็ม เวบมาสเตอร์ของทาง GTH แล้วก็เป็นคนดูแลแอคเคาน์ทวิตเตอร์ @GTHChannel ด้วย
เลยแนะนำ @ipats ให้รู้จัก เผื่อมีลู่ทางติดต่อช่วยเหลืออะไรกันได้ระหว่าง GTH กับ exteen.com
P2151675

โดยรวมก็ประทับใจที่ได้เจอดารานักแสดงที่เราชอบ ได้เห็นการทำงานเบื้องหลังต่างๆ รวมทั้งฉากที่เราเห็นในทีวี
เสียดายที่กิจกรรมไม่เปิดโอกาสให้ได้รู้จักเพื่อนๆ น้องๆ ที่มาด้วยกัน เลยเหมือนต่างคนต่างมากไปหน่อย
ดีที่มากันเป็นคู่ๆ เลยไม่โดดเดี่ยวมาก แต่ก็ทำให้หลายๆ คนไม่ค่อยกล้าพูดคุยหรือแสดงความเห็นอะไรมากเท่าไหร่
เวลาทีมงานขอคำแนะนำหรือให้ถามคำถาม
ได้แนะนำไปนิดหน่อยว่าอยากให้มีของรางวัลที่เกี่ยวกับหนังหรือละครที่จัดงานนั้นๆ
แต่บังเอิญว่าเรื่องเนื้อคู่ฯ เป็นละคร เลยไม่มีของพวกโปสเตอร์ แบนเนอร์ หรือสแตนดี้เหมือนภาพยนตร์
เลยไม่มีอะไรให้นอกจากเสื้อยืด IT’S ME (ซึ่งก็ดีแล้ว ชอบ เกือบทำเองแล้วเชียว)
ถ้าคราวหน้าจัดกิจกรรมกับหนัง “บ้านฉัน ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้)” คงจะมีของแนวนั้นแจกอีกเยอะ
มีคนแนะนำให้จัดทัวร์ออฟฟิศของ GTH ด้วย น่าสนใจมาก

จบแล้วจ้า ดูรูปเต็มเซ็ตได้ที่ flickr ครับ

อัพเดท: อ่านเวอร์ชั่นของ @ipats ณ exteen ได้ที่ Truelove: เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร – คนนี้ไง 😀 ครับ

ร้านรำพึง สิงห์บุรี

ร้านดังแห่งเมืองสิงห์บุรี จากที่ปั่นจักรยานทางไกลวันแรก
คืนแรกแวะนอนสิงห์บุรีเลยได้มีโอกาสไปกิน ตามคำแนะนำของ รปภ.ประจำโรงแรมที่พัก
มารู้ทีหลังว่าเป็นร้านดังจริงๆ มีคนพูดถึง แนะนำกันเยอะ

ปั่นจักรยานไปกินกัน ทำเอาลูกค้าในร้านแตกตื่นกันเล็กน้อย เห็นชี้ชวนลูกหลานให้ดูแก๊งจักรยานกันใหญ่
ทางร้านก็ใจดี ให้เอารถเข้าไปจอดในร้านได้เลย

มาดูเมนูกันก่อน

ราคาจัดว่าอยู่ในระดับพรีเมี่ยมเล็กน้อย

ร้านนี้ดังเรื่องปลา สิงห์บุรีก็เป็นเมืองปลา ก็พยายามกินปลาหลายๆ อย่าง
เสียดายไม่ได้กินปลาม้า อย่างที่ @roofimon ทวีตแนะนำมาตอนหลัง

จานแรก เบสิคก่อนด้วยทอดมันปลากราย

อร่อยครับ เหนียวนุ่มหนึบดีมาก รสชาติกำลังดี

ต่อด้วย แกงป่าปลาเนื้ออ่อน

นี่ก็อร่อย ปลาเนื้ออ่อนรสหวานนุ่มลิ้น ก้างแกะง่าย น้ำแกงรสไม่จัดเกินไป

กุ้งแม่น้ำทอดกระเทียม ราคาตามขนาด

จานนี้กินเสร็จถึงรู้ว่า 500 บาท O_o! มีกุ้งนับจากที่กินเจอหัวกุ้งแล้ว น่าจะ 2 ตัวเท่านั้น
แต่สับมาเป็นชิ้นเล็ก กระเทียมโรยปกปิดความน้อย อร่อยสมกับเป็นกุ้ง แต่ไม่ประทับใจ (แพงด้วย)

เม็ดมะม่วงผัดปลาช่อนกรอบ

จานนี้เด็ดสุด ชอบกันมาก กินกับข้าวก็เยี่ยม กินเป็นกับแกล้มก็แจ๋ว
เนื้อปลาช่อนทอดกรอบไม่กระด้าง เม็ดมะม่วงก็ให้แบบไม่ขี้เหนียว พริกแห้ง พริกหยวก ต้นหอม ซอยผัดมาด้วยกัน
ตักเข้าปากเคี้ยวพร้อมกันแล้วมันดีมาก

จานสุดท้าย ปลาไวเซเลียนึ่งซีอิ้ว

ปลาชื่อแปลก เนื้อคล้ายปลาหิมะ แต่ไม่มันเท่า กินคำแรกอร่อยจริงๆ
แต่พอกินไปซักพักรู้สึกว่ามันจืดไปนิด เหมือนซีอิ๊วยังไม่เข้าถึงเนื้อปลา
ถามคุณลุงรำพึง เจ้าของร้าน บอกว่าปลานี้สั่งมาจากอเมริกา เพราะตอนไปสอนทำอาหารที่นั่น
หาปลาม้าไม่ได้ เลยใช้ปลาไวเซเลียแทน ชื่อปลาเข้าใจว่าตั้งเองตามชื่อเมืองที่ลุงไปสอนทำอาหารนั่นแหละ

ลุงรำพึงตัวจริงยังแข็งแรงฟิตเปรี๊ยะ พูดจาฉะฉานสไตล์นักเลงโบราณมาก ลุงบอกว่าอายุ 60 แล้ว
อยู่สิงห์บุรีมา 38 ปี ตั้งแต่ปลดทหารเกณฑ์ เดิมเป็นคนแปดริ้ว จับพลัดจับผลูมาทำอาหารอร่อยเลยปักหลักอยู่ที่นี่เลย

ร้านแกก็เป็นร้านดังแบบปากต่อปาก พอยุคอินเตอร์เนทก็ยิ่งมีชื่อเสียงขจรขจาย มีคนเอาไปเขียนแนะนำเยอะ
แกเลยไม่เคยง้อพวกรายการโทรทัศน์ ที่จะมาขอถ่ายทำแล้วยังต้องจ่ายเงินให้รายการอีก
ลุงบอกว่าถ้ามาถ่ายแล้วกินฟรีก็เต็มใจเลย เลี้ยงให้โต๊ะนึงเลย แต่ถ้าจะมาถ่ายแล้วต้องจ่ายเงินให้สี่ห้าหมื่นด้วยนี่
ไม่ต้องมา ป้ายหน้าร้านแกเขียนเลยว่าเชลล์ไม่ต้องมาชิม แม่ช้อยไม่ต้องมารำ คุยกันเฮฮามาก
เลยขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซะหน่อย นานๆ จะได้คุยกับเจ้าของร้าน ทุกทีได้แต่กินๆ แล้วก็จ่ายตังค์

ต่อไปผ่านมาเมืองสิงห์ นอกจากจะนึกถึงแต่แม่ลาปลาเผา ไพบูลย์ไก่ย่างแล้วก็มีร้านรำพึงนี่แหละ ที่จะแวะกินอีก

Bangkok – Sukhothai Day 4

วันสุดท้ายของการเที่ยว วันนี้ไม่มีการปั่นทางไกลอีกแล้ว กะจะนอนตื่นสายหน่อย หาของกิน แล้วกลับกรุงเทพ
แต่ดันตื่นเช้า ยังไม่มีใครตื่น เลยล้างหน้าเอาจักรยานออกปั่นไปหากาแฟ ปาท่องโก๋กินในตลาด
แต่ผิดหวัง ไม่มีให้กินเหมือนในตัวเมือง เลยปั่นเข้าไปในเมืองเก่าที่ลานพ่อขุนรามซะหน่อย อากาศก็ดีด้วย
วันที่ 17 มกราคมเป็นวันบวงสรวงประจำปี มีกิจกรรม เมื่อวานก็เห็นเตรียมงานกันอยู่

แถมเมื่อคืนตอนนั่งสังสรรค์อยู่หน้าบ้าน ดึกแล้วยังมีรถกระจายเสียงวนอยู่ในชุมชน ชวนให้คนออกไปประท้วง!
ได้ความว่าปกติงานบวงสรวงพ่อขุนฯ จะจัดที่เมืองเก่าทุกปี แต่ปีนี้จะเป็นปีสุดท้าย
ปีต่อไปจะย้ายไปจัดในตัวจังหวัด ที่สวนหลวงเฉลิมพระเกียรติ ร.9
ดูแล้วงานนี้น่าจะเป็นการงัดข้อกันระหว่างนักการเมืองท้องถิ่นที่อยู่คนละขั้ว
ก็ไปวนๆ ดูบรรยากาศนิดหน่อย
ไม่มีอะไรมาก นักเรียนก็แต่งตัวมารำ เพลงเดิม ท่าเดิม ชุดเดิม เห็นตั้งแต่เด็ก
ชาวบ้านที่มาประท้วงก็ยืนถือป้ายผ้าอยู่บนลานอนุสาวรีย์ วนดูนิดหน่อยก็ปั่นกลับที่พัก

สายๆ เพื่อนก็ขับรถมารับเข้าเมือง ขนจักรยานขึ้นกระบะ แวะทักทายบ้านเพื่อนสนิทสองสามคน
เมื่อวานก็แวะเข้าไปดูบ้านตัวเองด้วย ให้คนเช่าอยู่ เห็นแล้วคิดถึงตอนเด็กๆ ที่โตมาแถวนั้น

พอใกล้เที่ยงก็เดินทางกลับพิษณุโลก แวะกินข้าวกลางวันที่ อ.กงไกรลาศอีกที
เป็นก๋วยเตี๋ยวดู๋ดี๋ต้มยำคล้ายกับที่เคยกินบ่อยๆ สมัยทำงาน/เรียนที่ชลบุรี
ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊ษา รู้สึกจะเป็นร้านดังของที่นี่ด้วย
ก็อร่อยใช้ได้ ใครผ่านไปแถวนั้นแนะนำให้แวะกิน ร้านติดถนนใหญ่ หาไม่ยาก

เกือบบ่ายสองก็ถึงสถานีรถไฟพิษณุโลก มีรถเที่ยวล่อง ตอนบ่ายสองครึ่ง เป็นรถไฟฟรีไปกรุงเทพ
ก็ไปรับตั๋วฟรี แล้วก็จ่ายค่าระวางจักรยาน ราคาเดิม คันละ 90 บาท

รถไฟมาสี่โมงเย็น สุดยอดรถไฟไทย แถมไปไม่ได้อีก เค้าบอกว่าตู้สัมภาระเต็ม เอาจักรยานขึ้นไม่ได้
เบิ้มชะโงกเข้าไปดูในตู้ บอกว่าพอมีที่ว่าง แต่เค้าเอากล่องวางเรียงเต็มพื้น ยังไม่ได้ซ้อนกัน
คนคุมรถไฟเลยไล่ให้ไปขบวนถัดไปด้วยหัวใจเปี่ยมการให้บริการ
โอเค ไม่ว่ากัน เค้าบอกว่าถ้าเอาจักรยานขึ้นจะเกะกะการขนของขึ้นลงของเค้า

ซื้อตั๋วใหม่ เที่ยวนี้ไม่ฟรีด้วย ชั้นสาม คนละ 177 บาท ขบวนนี้ไม่มีล่าช้า 19:20 น.แน่นอน
เพราะเป็นต้นทางพิษณุโลก ไม่เหมือนขบวนเมื่อตอนบ่ายที่รถวิ่งมาจากเชียงใหม่
ก็นั่งๆ นอนๆ รอกันอยู่แถวนั้น
พอเย็นก็เลยซื้อของกินแถวตลาดหน้าสถานีรถไฟมานั่งกินฆ่าเวลา
เจอปาท่องโก๋ขายด้วย เลยซื้อมากินให้หายเก็บกดซะ 10 ตัว

มีลุงคนนึงเห็นเราเอาจักรยานมาจอดเรียงรายอยู่ ก็เดินมาคุยด้วย
ใส่เสื้อบอกยี่ห้อว่าเป็นนักปั่นเหมือนกัน เสื้อจักรยานแบบรัดรูปมียี่ห้อรถจักรยานติดเต็มไปหมดนั่นแหละ
ลุงอายุ 67 แล้วบอกว่าปั่นมา 7 ปีตั้งแต่หลังเกษียณราชการ
ไปมาทั่ว ปั่นคนเดียวด้วย แข็งแรงมาก แต่ลุงบอกว่าอยากสนุกให้ปั่นคนเดียวไปหาเพื่อนเอาข้างหน้า
ปั่นเป็นกลุ่มแบบพวกเรามันอุ่นใจสบายใจเกินไป แถมบอกว่าขึ้นรถไฟกลับทำไม ให้ปั่นกลับสิ
เราก็นึกในใจว่าลุงเกษียณแล้วนี่ จะปั่นกี่วันกี่เดือนก็ได้ (ฮา)

รถไฟออกตรงเวลาจริงด้วย ขนจักรยานขึ้นแล้วก็ไปนั่งหลับๆ ตื่นๆ กัน
ถึงกรุงเทพตอนตีสามกว่าๆ ลงที่สถานีบางเขน
น่ากลัวมาก ไม่มีใครลงเลย มีแต่เรา 4 คน กับกล่องสัมภาระบางส่วนที่ลงปลายทางที่นี่
ก็จะมีพนักงานรถไฟเข็นรถเข็นมาขนกล่องพวกนั้นไปเก็บที่สถานี

เราก็ปั่นกลับบ้านกันต่อ ปวดขา ปวดก้นมาก

ได้นอนกันราวๆ เช้ามืด สลบกันไปทั้งวัน

ทริปนี้ทำให้เรารู้ว่า
* ถุงน้ำมีประโยชน์ไม่ใช่แค่เฉพาะในป่า ทางถนนราดยางไกลๆ ก็ควรมีติดไว้
* รถฟรีไรด์แบบเราก็ไปไหนไกลๆ ได้ แต่มันเหนื่อยกว่าชาวบ้านมาก
* อย่าคาดหวังอะไรมากกับรถไฟ ระหว่างทางผมเห็นป้ายประท้วงแปะตามสถานีว่า คนรถไฟจะไม่ยอมให้รัฐอนุญาตให้เอกชนเอารถมาวิ่งด้วย เพราะจะขูดรีดประชาชน อืม…