Chocolate vs. CJ7

เพิ่งดูช็อคโกแลตกลับมา หลังจากเมื่อวานเพิ่งดู CJ7
น้องที่ CTBV ได้ดูช็อคโกแลตก่อน บอกว่าดูแล้วเครียดเลย
เครียดที่ว่าหนังทำได้ดี จนเป็นห่วงว่าหนัง CJ7 ของค่ายตัวเองจะแย่
เพราะเปิดตัวชนกันจังเบอร์วันตรุษจีน เรียกว่าใครดีใครอยู่
chocolate cj7 ticket
ผมก็ได้แต่บอกว่า มันก็มีชนกันแต่ก็ win-win ทั้งคู่นะ
อย่างตอนไทเทนิคกับบอนด์ ตอนพรุ่งนี้ไม่มีวันตายไง (ที่อเมริกา)
ไม่รู้จะช่วยให้สบายใจดีขึ้นรึเปล่า

ว่ากันที่ CJ7 โจวซิงฉือก็เหมือนดาราตลกหลายๆ คนที่ผันตัวขึ้นมากำกับ
เรื่องนี้เขียนบทด้วย ซึ่งทุกคนจะคล้ายๆ กันคือจะพยายามเน้นดราม่า
ก็ประสบความสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง (ดูอย่างทาเคชิ คิตาโน่สิ บ้านเราก็หม่ำไง)

ผมสนุกกับเรื่องนี้น้อยมาก จนรู้สึกว่าเราแก่เกินไปที่จะดูอะไรเด็กๆ แล้วรึเปล่า
ซึ่งก็ไม่น่าจะใช่ หนังมันเน้นตัวละครขาวดำ ดีเลวสุดโต่งเหมือนการ์ตูน
เอาใจเด็ก และล้อตัวเองในผลงานเก่าที่ผ่านมาอย่างเมามัน ชัดสุดก็คือ Kungfu Hustle
เทคนิคด้านภาพยังแพรวพราวหายห่วง ตั้งแต่ Saolin Soccer แล้ว

ครึ่งแรกยังสนุกอยู่ แต่ครึ่งหลังค่อยๆ แผ่ว จนผมแอบเบื่อ
แล้วสุดท้ายก็จบแบบพยายามประทับใจ แต่ผมว่าประเด็นมันเด็กไป อ่อนไป
เลยไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ทั้งเรื่องผมหัวเราะฉากเดียวเอง จะเส้นลึกไปไหนเนี่ย

วันนี้เลยลองไปพิสูจน์ช็อคโกแลต เพราะอยากจะอัพเดทกะเค้าหน่อย
แล้วยังไงก็เป็นหนังไทยที่น่าดูที่สุตตอนนี้ ระหว่างรอ “กอด” ของคงเดช
แถมเห็นชื่อ มะเดี่ยว เป็นคนเขียนบท เลยแอบหวังไว้เยอะไปนิด

เอาเข้าจริงผมกลับชอบช็อคโกแลตน้อย เกือบๆ เท่ากับที่ไม่ชอบต้มยำกุ้ง
ดูหนังแล้วรู้สึกเหมือนดู “จีจ้าโชว์” ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าน้องเค้าน่ารักและเก่งมาก
น่ารักกว่าในโปสเตอร์ซะอีก เสียดายที่ไม่ได้ดูตอนมาโปรโมทตามรายการทีวี

ธีมของเรื่องดูดี ที่เซ็น (จีจ้า) เป็นเด็กพิเศษ เกิดกับสายเลือดยากูซ่า (อาเบะ)
กับหญิงทรยศ (ส้มอมรากับรอยสักที่แขนบอกยี่ห้อ) ของแก็งมาเฟียไทย
คิดว่าเป็นคงมาเฟียพัทยา เพราะมีแก๊งกะเทยเป็นแบ็ค
นำโดยพงษ์พัฒน์ ที่ถ้าไม่อ่านเรื่องย่อคงไม่รู้ว่าในเรื่องเค้าคือ No.8 (ของอะไรฟระ)
และมีรองบอสเป็นป้าเดย์ ฟรีแมน โย่ว… -“- (แต่เค้าเล่นได้ขึงขังสมจริงดีนะ)
และตัวละครลูกกะจ๊อกสูตรสำเร็จอย่างไอ้หมาบ้าอะไรซักอย่าง ที่เหมือนเป็นสันนิบาตลูกนก
แต่เก่งเทพ ใส่ชุดวอร์ม adidas เสื้อผ้าหน้าตาท่าทางเหมือนเจ้าโน่ที่นั่งดูอยู่ด้วยกันเป๊ะเลย (ฮา)

เริ่มมาก็ดูดี แต่พอพ้นครึ่งชั่วโมงแรกไปแล้วมันก็เริ่ม nonsense
อัดฉากสู้กันเข้าไป ตัวละครหลักทำตัวไร้เหตุผล เพื่อส่งให้เข้าคิวบู๊
คุณปรัชญาเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่ค่อยพอใจที่ถูกต่อว่าเรื่องบท ซึ่งเค้าก็รู้ แต่เค้าจะขายแอ็คชั่น
ช่วยเข้าใจหนังเค้าหน่อย คราวนี้เลยได้มะเดี่ยวมาช่วยเรื่องบทแล้ว คงจะดีขึ้น (มั้ง)

บางครั้งก็จงใจเท่เกินไป อย่างตอนอาเบะเข้ามาในร้านอาหารญี่ปุ่นตอนท้า่ย
(ฉากคารวะ Kill Bill…นั่นแหละ…แฮ่ :-P)
แบบสโลว์โมชั่น อุตส่าห์มาตั้งไกล เค้าจะฆ่าลูกเมียมึงอยู่แล้วยังจะเท่อยู่ได้ ฮาดีมั้ย
นึกถึง The Transporter ภาคแรก ที่ฝรั่งพยายามหาเหตุผลให้ตัวเอกต้องอัดกับผู้ร้าย
ด้วยการเตะต่อย แทนที่จะใช้บรรดาอาวุธประดามีทั้งหลาย ซึ่งยังดู make sense กว่าอีกแน่ะ

ยิ่งตอนจบก่อนขึ้นเครดิตมีรวมช็อตหลุด เจ็บตัว สไตล์หนังเฉินหลงให้ดู
ยิ่งทำให้รู้สึกว่า มันมากไปมั้ยเนี่ย ต้องเจ็บต้องทนกันขนาดนี้
สงสารสตั๊นแมนไทย ที่เหนื่อยมากเสี่ยงมาก กับการทำงานแบบลูกทุ่งๆ คือทำด้วยใจ
แต่มันจะตายเอา คุณภาพชีวิตแย่ ดูแล้วหดหู่

ฉากที่ดูสมเหตุสมผลที่สุด คือฉากโชว์แอ็คชั่นครั้งแรกของจีจ้า ตอนโชว์ความสามารถรับของที่คนขว้างใส่
ใต้สะพานพระราม 8 แล้วโดนวัยรุ่นเจ้าถิ่นระราน นอกนั้นรู้สึกว่ายัดเยียด
องค์บากยังเนียนกว่า หรือแม้แต่งานเก่าแก่ขึ้นชั้นหนังคัลท์แอ็คชั่นเกรดบีคลาสสิคอย่าง
เกิดมาลุย ต้นฉบับที่พันนาเล่นเอง, ปีนเกลียว ก็ยังไม่ดูยัดเยียดเท่านี้

ผมว่าผมคงไม่สนับสนุนหนังแนวนี้อีกต่อไปแล้ว ผมไม่ชอบผู้กำกับคนนี้แล้ว
ผมว่าองค์บากเป็นโชคดีของปรัชญา และการให้ตัวเอกทวงของทั้งสามเรื่องที่ผ่านมา
น่าจะพอซะที เปลี่ยนมุกได้แล้วนะ แล้วก็หวังว่าจีจ้ายังจะมีผลงานให้ดูกันต่อไป
น่ารักขนาดนี้ เอาไปเล่นบทอื่นก็ยังได้

หนังดูได้เพลินๆ ทั้งสองเรื่องแหละครับ ที่บ่นนี่เป็นแค่ความรู้สึกนอกเรื่อง
ไม่ใช่ว่าหนังจะแย่ขนาดนั้น เพียงแต่ส่วนตัวไม่ได้ประทับใจจนอยากดูอีก เท่านั้นเอง
ตอนองค์บากนี่ผมยังหวดซะ 2 รอบเลย ในโรงซะด้วยนะ ^_^

Me, Twitter-er

ช่วงนี้ชักติด twitter กับเค้าเหมือนกัน เคยเขียนถึงไว้นิดนึงว่าลองใช้แล้ว
พอหลังจากงาน barcamp bangkok ทวิตเตอร์ก็ดังเป็นพลุแตก
เพราะการนำเสนอของสุกรี (สไลด์) เลยได้คนมา follow อีกหลายคนเลย
จนจะกลายเป็น chat ของเหล่า geek ไปแล้ว
คนใกล้ตัวแซวว่า ติดอะไรนักหนา เข้าไปคุยกับ “geek” หรือ “กิ๊ก” กันแน่
กี๊กครับกี๊ก ลากเสียงยาวหน่อย ไม่ใช่กิ๊ก
แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ได้ใช้งานอะไรมากมาย จนถึงตอนนี้เพิ่งจะโพสไป 202 โพสเท่านั้น
เทียบกับผู้เผยแพร่ลัทธิอย่าง @sugree ยังห่างชั้น เพราะแกโพสแล้ว 15,962 โพส (o_O!)

คนทำทวิตเตอร์คงแปลกใจที่อยู่ๆ ก็มีปริมาณการใช้งานจากเมืองไทยพุ่งพรวดชั่วข้ามคืน
ต้องยกความดีให้มาสเตอร์สุกรีที่เผยแพร่ ทำให้ปริมาณสาวกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงนี้

เอ้า…มาลองใช้ twitter กันเถอะ

Hmm…Upgrades!

กรุณาทำเสียงให้เหมือนนีโอตอนเจอกับ 3 เอเยนท์ ฉากต้นเรื่องใน The Matrix Reloaded ด้วยจะเป็นการดี
(อื้มมม..อัพเกรด!)

สองสามวันมานี้ใครเข้ามาในเวบคงแปลกใจที่มันแปลกๆ คือมันเข้าไม่ได้ อ่านไม่ออก จนถึงหน้าตาเปลี่ยน
เนื่องจากย้ายบ้านครับ ต้องขอขอบคุณ มาสเตอร์สุกรี ไว้ ณ ที่นี้ด้วย สำหรับคำแนะนำ และบริการประทับจิต

คราวนี้เลยได้บทเรียนและความรู้ท่วมตัวและเอาหัวรอด ไว้จะทยอยมาเขียนเป็นระยะๆ
แต่ที่น่าเศร้าก็คือบรรดาความคิดเห็นทั้งหลายที่เพื่อนๆ เข้ามาโพสไว้ หายเกลี้ยงเลย
เหลือแต่ซากอารยธรรม คือตัวเลขจำนวนที่อยู่ท้ายบล็อก ซึ่งถ้ากดเข้าไปก็จะพบว่ามันหลอกครับ
มีแต่จำนวน แต่ตัวคอมเมนท์น่ะไม่มีแล้ว แล้วถ้าใครไปคอมเมนท์เพิ่ม จำนวนก็จะถูกเซ็ตใหม่ให้เป็นตามจริงทันที
ตอนแรกก็ว่าจะลบทิ้งทั้งหมด แต่เปลี่ยนใจเก็บไว้ดีกว่า อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าแต่ละเรื่องมีคนเข้าพูดคุยด้วยแค่ไหน
เก็บไว้ในความทรงจำ…ฮ่าๆๆ ฮืออออ…

ที่คอมเมนท์หายไม่ใช่เพราะจากการย้ายโฮสต์แต่อย่างใด แต่มันเกิดขึ้นก่อนจะย้ายแค่วันเดียว
คือกำลังพยายามไล่ล่าลบสแปมคอมเมนท์ แต่มันกลายเป็นลบคอมเมนท์ดีๆ ไปด้วยได้ไงก็ไม่รู้
พยายามกอบกู้อยู่สามวัน ก็ไม่ได้ผล ก่อนจะได้คำพูดเตือนสติจาก @kengggg ว่า “หายถาวรนะพ่อหนุ่ม”
เลยทำใจได้ทันที (-“-)

มาปรึกษามาสเตอร์สุกรี ได้คำแนะนำที่ดียิ่ง ว่า…ย้ายมาไว้กับผมสิ
ที่ OpenFreeHost.com ก็กดเข้าไปดู เห็นชื่อแล้วนึกว่าของฟรี
แต่อ่านรายละเอียดแล้ว โอ้ว..ใช้ ssh ได้ด้วย
ความสามารถครบครัน ถึงจะไม่ได้ใช้ก็เถอะ เพราะเอาเข้าจริง ก็ให้สุกรีช่วยทุกอย่างเลย
หลังจากลองเองหลายตลบแล้วไม่ได้ผล สรุปว่า drupal ผมมันเก่าด้วย theme เก่าที่ใช้อยู่ก็ไม่ support php5
เลยให้สุกรีช่วยอัพเกรด
พร้อม import ข้อมูลทุกอย่างหมด ติดปัญหาขลุกขลักอยู่นิดหน่อย แต่ก็เรียบร้อยแล้ว
แถมโฮสต์ของสุกรีมีโปรโมชั่นใช้ drupal ลดราคา 20% ว้าว…
แต่บริการขนาดนี้เดี๋ยวผมจ่ายเต็มราคาเลย ถือว่าเป็นทิป
แต่เอ…หรือจะให้เป็นหนังดี เห็นช่วงนี้กำลังฮอต

นอกจากลดราคายังเป็นแบบใช้ก่อนจ่ายทีหลัง รับประกันความพอใจ…
คือถ้าไม่พอใจก็ย้ายออกได้ ไม่ต้องเสียตังค์ อืม..ก็แฟร์ดีเนอะ
(กว่าจะรู้ตัวว่าโดนหลอกให้มาเป็นลูกค้าก็หลวมตัวไปเต็มเปาแล้ว)
เอาล่ะ ไหนๆ ก็ย้ายมาแล้ว ใครมองหาโฮสต์ดีๆ อยู่ก็ตามมาได้เลยครับ
เดี๋ยวรายได้เค้าน้อยแล้วเลิกทำขึ้นมา บล็อกผมต้องเร่ร่อนอีก
โฆษณากันขนาดนี้แล้ว ปีแรกผมคงได้ใช้ฟรีแหงๆ

เดี๋ยวค่อยๆ ปรับแต่งอีกหน่อยให้เข้าที่เข้าทาง ก็หมดปัญหา ^_^
ข่าวดีสำหรับคนใช้ google reader ที่มีปัญหากับเวบนี้มานาน
ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีปัญหาอีกต่อไป ได้รับ feed อัพเดททุกครั้ง
ถ้าใคร add ไว้ก่อนวันนี้ แนะนำให้ลบก่อน แล้ว add ใหม่เลยนะครับ
เพราะก่อนเที่ยงคืนมันจะได้ feed ไปเป็น ??????

เอาล่ะ นอนตาหลับแล้วคืนนี้ แล้วจะขยันบล็อกบ่อยๆ ฉลองโฮสต์ใหม่ 😛

BarCamp Bangkok Winter 2008

วันเสาร์ไปร่วมงาน Barcamp Bangkok ที่ร้าน Indus สุขุมวิท 26
ตั้งใจอยู่แล้วตั้งแต่มีประกาศใน blognone ว่ายังไงก็จะไป
พี่ป๊อกบอกให้เตรียมเรื่องไปพูดด้วย แต่ไม่รู้จะไปพูดอะไร
เลยไม่ได้ลงในหัวข้อตอนลงทะเบียน
พอได้คุยกับคุณ sugree ได้คำชี้แนะว่าน่าจะคุยเรื่องจักรยาน
ก็ดีเหมือนกัน เลยแอบเตรียมตัวนิดไว้นิดหน่อย
คุณ roofimon เลยได้ที่เปลี่ยนมาพูดเรื่องปีนหน้าผาด้วยเลย

เอาเข้าจริงๆ ก็ทำสไลด์ไม่ทัน ด้วยความประมาท แถมคืนวันศุกร์
ยังพาคุณ roofimon กับน้องบอย ไปท่องราตรีกันซะดึกดื่น
กลับมาเมื่อยล้าไปหมด สลบไปตอนตีสอง

ตื่นมาแปดโมงกว่าๆ ก็รีบออกเดินทางไปด้วยรถคู่ชีพ “น้องแอร์”
พาขึ้น BTS ไปลงพร้อมพงษ์ แล้วก็ปั่นต่อไปอีกนิดเดียว

ไปถึงร้านคนเยอะมากจริงๆ เดินกันยุ่บยั่บเลย เอารถไปจอดข้างบาร์
ยืนคุยกับพี่ป๊อก มองคนนู้นคนนี้ ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันหลายคน
ไปลงทะเบียนเสร็จ roofimon บอกให้ไปเขียนหัวข้อ
คิดอะไรไม่ทัน เลยไปแปะไว้ว่า Mountain bike riding by Rerng®IT
ประสบความสำเร็จมาก มีคนติ๊กสนใจฟัง 8 คนถ้วน (- -“)
เลยแอบดีใจ ที่ไม่ต้องปั่นสไดล์ลวกๆ
ไว้ตั้งใจทำใหม่ดีๆ แล้วเก็บไปพูดงานอื่นแทน
(กลับมารายงานผลกับเพื่อนๆ ใน majorbike โดนแซวว่าชื่อหัวข้อน่าสนใจเกินไป!!!) -*-

ตลอดวันก็เลยได้ฟังเรื่องนู้นเรื่องนี้เต็มไปหมด สมองบวมมาก
ได้เจอตัวเป็นๆ sugree กับ kenggg รูปร่างผิดคาดทั้งคู่แฮะ

ช่วงแรกก็ฟัง Call for Students: Google Summer of Code 2008 โดย sugree
พี่ป๊อกหันมาชวนว่าไปหาเด็กมาทำแบ่งเงินกันดีกว่า – -”
ต่อมาก็เป็นเรื่อง SSH ของฝรั่งคนนึง มาเจออีกทีตอนฟังเรื่องปีนผา
เลยรู้ว่าเป็นอดีตนักปีนคนนึงด้วย เท่ห์จริงๆ

มี Twitter Rules! อีกเรื่องโดย sugree อีกแล้ว
sugree บอกว่าถ้าอยากรู้ความมหัศจรรย์ของ twitter ให้สมัครลองใช้งานดู
แล้วเลือก follow sugree เลย มีเสียงแซวว่า ถ้าทำแบบนั้น
จะได้เห็นความมหัศจรรย์ของ twitter หรือความมหัศจรรย์ของ sugree กันแน่
เพราะแกเล่นโพสทุกที่ทุกเวลายังกับติดยาเสพติด

หัวข้อที่เป็น talk of the event ก็คงไม่พ้น AV Development Life Cycle ในช่วงบ่าย
ต้องยกให้เค้าจริงๆ sugree, kengggg, hunt ยอดครับ ไปดูสไลด์ได้เลย
เสียดายนิดนึงที่ไม่ได้ฟังเต็ม เพราะเวลาไปตรงกันกับ Rock Climbing ของ roofimon
แล้วผมเลือกจะฟังปีนหน้าผา ไม่นึกว่า AV ข้างล่างจะเมามันส์กันขนาดนั้น
รีบลงมาฟังต่อก็เป็นช่วงท้ายๆ แล้ว ยังมีกลิ่นไอความสนุกหลงเหลือให้ซึมซับ ^_^

เจอต่ายจาก exteen คราวนี้หล่อผิดหูผิดตา สงสัยเพราะได้ไปสูดอากาศดีจากภูกระดึงมา
เลยล็อคคอแจก dvd ไปแผ่นนึง ที่เหลือก็แจกคนที่ฟัง rock climbing
แล้วก็หอบเอา cd heineken jazz festival hua hin 2005 ไปแจกด้วย เก็บไว้ก็เกะกะบ้าน 😛
แต่เสียดายไม่ได้หยิบแผ่น visual studio 2008 มา ใครมีเหลือขอซักแผ่นสิครับ
หยิบมาแต่ ubuntu 7.04

ส่วนที่เหลือนี่บรรยายไม่ไหวจริงๆ ไปดูรายงานสดที่ blognone แทนก็แล้วกัน
บล็อกกับรูปบรรยากาศจากคนอื่นๆ ก็ตามลิงก์ในนั้นไปได้เลย

เลิกงานหกโมงเย็น ก็ไปต่อกันที่สวนอาหารในสุขุมวิท 33/1
ก็ปั่นตามเข้าไปดูนิดหน่อย แต่ติดธุระเลยปั่นกลับบ้านก่อนดีกว่า
ค่อยๆ เลาะมาถึงอโศก แล้วก็ปั่นยาวตลอดเส้นรัชดาภิเศก
ถึงรัชโยธิน เข้าบ้านปลอดภัยตอนทุ่มครึ่ง เหนื่อยสุดยอด
ถ้าปั่นตัวเปล่าคงสบาย แต่แบกเป้ใส่ iBook ไปด้วยนี่แทบอยากถอดทิ้งจริงๆ
ดีที่แจกแผ่นซีดีไปหมดแล้ว เลยเบาลงมาอีกหน่อย

สรุปว่าไม่เสียชาติเกิดแล้วที่ได้ร่วมกิจกรรมดีๆ แบบนี้
ได้ทักทายพูดคุยกับคนที่เราติดตามอ่านบล็อกมาตลอดแต่ไม่เคยเจอตัว
อย่าง DrRider กับ Boss, คุณ molecularck
คนที่เคยเจอ แต่ไม่ค่อยได้คุยกันก็อย่าง plynoi, pittaya, wiennat
ได้เห็นโน้ตบุ๊คจิ๋ว asus eee ตัวเป็นๆ
ได้กินอาหารอินเดียที่อร่อยเป็นบ้า (โรตีเหนียวนุ่ม แกงกะหรี่ไก่สุดหอม ฯลฯ)
แถมยังได้เสื้อเท่ห์ๆ ที่สกรีนสวยมากมาด้วยตัวนึง
ถ้ามีอีก ยังไงก็จะไม่ยอมพลาด…

MacBook Air

เช้ามาเช็คเมล์ ได้เมล์จาก Apple ว่า MacBook Air ออกแล้ว
เป็นอันว่าสโลแกนที่โปรยมานานก่อนงาน MacWorld 2008 เมื่อคืน
ที่ว่า “There’s something in the Air” ก็คือตัวนี้จริงๆ อย่างที่ลือกัน
บางเบาที่สุดในโลก ว้าว…
MacBook Air
พอเปิด Google Reader ปรากฏว่าเจอเหล่าบล็อกเกอร์เขียนเรื่องนี้กันเพียบเลย
ขี้เกียจเขียนเอง ไปอ่านตามนี้เลยละกันครับ
รายงานสด MacWorld 08 จาก blognone
สรุป MacWorld Keynote 2008 จาก blognone
ที่เหลือคือความคิดเห็นล้วนๆ โดยเพื่อนๆ น้องๆ เหล่านี้ (เล่นง่ายเลย ฮ่าๆ)
mk
poakpong
wät
pit
elixer
eYacht

ส่วนตัวก็เล็งๆ ไว้ว่าจะเปลี่ยนจาก iBook เป็นตัวนี้ดีรึเปล่า (จะได้เข้ากับ Stinky Air)
แต่คงรอให้คนใช้เยอะๆ มีรีวิวมากกว่านี้อีกหน่อยค่อยว่ากันอีกที

มีคนบ่นว่าอะไรที่มันลงท้ายด้วยแอร์ๆ เนี่ย…แพงจัง