ประกาศปิดที่ทำการ majorbike งดปั่นวันศุกร์ชั่วคราว
ปิดบ้านไปเที่ยวภูกระดึงกันสามหนุ่ม ผม โน่ ต่าย ตั้งใจไปเที่ยวกัน 4 วัน 3 คืน
โน่ไปมา 2 ครั้งแล้ว ต่ายก็เพิ่งไปมาเมื่อต้นปี ผมเกิดมาเพิ่งเคยไปครั้งแรกก็คราวนี้เอง
ออกเดินทางตั้งแต่คืนวันพุธที่ 22 ได้รถแอร์เมืองเลย ตอน 19:50 น.
รีบบึ่งไปหมอชิตกันแบบฉิวเฉียด แต่กว่ารถจะเข้าชานชาลาก็ปาเข้าไป 2 ทุ่มครึ่ง
รถออก 3 ทุ่ม วิ่งเร็วปานพายุบุแคม ถึงผานกเค้าตอนตี 3 เร็วโคตรพ่อโคตรแม่ ไม่ทันจะได้หลับเลย
23 ต.ค.
เช้ามืดก็เดินโต๋เต๋อยู่แถวนั้น รอรถสองแถวเข้าอุทยานตอนตี 5 แม่ค้ายุให้ซื้อถุงเท้ากันทาก โดนไปคนละคู่
ถึงอุทยานก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ขึ้นภูตั้งแต่ 6 โมงเช้า อากาศเย็นสบาย ไม่มีฝน
แบกสัมภาระขึ้นไปเองคนละเกือบ 10 กิโล ตอนแรกต่ายจะใช้บริการลูกหาบ
แต่ผมกับโน่กดดันจนต้องยอมแบกเอง ก่อนขึ้นก็ดูข้อมูลซะหน่อย
40 นาทีต่อมาก็ถึงจุดพักแรก ซำแฮ่ก หอบแฮ่กสมชื่อจริงๆ แวะกินน้ำคนละขวด
แล้วก็ลุยต่อ ทางยังสบายๆ ไม่เละเทะ แต่ก็ชันเอาเรื่อง
ระหว่างทางขึ้นจะมีจุดพักที่มีร้านค้าอยู่ 4 จุด คือซำแฮ่ก ซำกอซาง ซำกกโดน แล้วก็ซำแคร่
มีสัญญาณโทรศัพท์เกือบตลอดเส้นทาง (dtac) ผมก็ tweet รายงานผลไปเรื่อยๆ
มีเพื่อนๆ ให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลา เทคโนโลยีมันดีจริงๆ ขอบคุณ @sugree ที่ทำ jibjib ให้ผมได้ใช้
แวะพักกินน้ำมันทุกจุด ถึงซำสุดท้าย ไม่มีสัญญาณมือถือเลย แม่ค้าบอกว่าซำแคร่มันเป็นแอ่งอับ
เส้นทางช่วงสุดท้ายดูจากแผนที่ก็อีกประมาณ 1.3 กิโลเมตร แต่ชันมาก
ทางก็เละ เพราะฝนเพิ่งตกเมื่อวาน มีไต่บันไดเหล็กเป็นช่วงๆ ตอนปลายก็หลายบันไดหน่อย
9 โมงครึ่งก็ถึงยอดภู คือหลังแป ปวดขาสุดชีวิต กางเกง รองเท้าก็เละเทะ
แล้วก็เดินไปจุดกางเต๊นท์อีก 4 กิโล
ยอดภูกระดึงเป็นที่ราบ เดินสบายๆ ไปเรื่อย ประมาณ 40 นาทีก็ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
ก็ไปจ่ายเงินเช่าเต๊นท์ขนาด 3 คน คืนละ 225 บาท เช่าหมอน แผ่นปูรองพื้น ถุงนอน อีกคนละชุด
คืนละ 60 บาทต่อคน (หมอน 10 บาท แผ่นรองพื้น 20 ถุงนอน 30)
เดินไปเลือกเต๊นท์ เอาตรงโซน H (เค้าแบ่งเป็นโซนๆ พื้นที่กว้างเหมือนสนามฟุตบอลเลย)
เจ้าหน้าที่กางเต๊นท์ไว้เรียบร้อยแล้ว เลือกเอาได้เลยว่าอยากได้เต๊นท์ไหน ก็เหมือนๆ กันหมด
เราเลยเลือกทำเลที่คาดว่าจะมีคนเดินผ่านพลุกพล่านหน่อย เผื่อจะได้มีอะไรๆ ให้ดูแก้เหงาบ้าง 😛
เก็บข้าวของแล้ว ก็เกือบบ่ายโมง เลยไปอาบน้ำ แล้วก็หาอะไรกิน หมอกยังขาวโพลนอยู่เลย
ถ่ายรูปนู่นนิดนี่หน่อยไปตามเรื่องตามราว ยังมีนักท่องเที่ยวทยอยเดินขึ้นมาเรื่อยๆ
อากาศเย็นสบาย มีฝนเป็นช่วงๆ แต่ไม่หนักมาก ที่รำคาญหน่อยก็คือต้องคอยระวังทาก
กลัวว่าถ้าเข้ามาในเต๊นท์แล้วนอนๆ อยู่เกิดมาเกาะ มาไช เข้าหัวเข้าหู จะสยอง
ตอนเช้าเห็นน้องนักศึกษาคนนึง ทักกันเรื่องทากแล้วเปิดหัวให้ดู ยังมีคราบเลือดอยู่เลย – -”
บนภูเค้าไม่ให้ก่อไฟ แต่เอาเตาแก๊สมาทำอาหารได้ ส่วนพวกผมก็ฝากท้องกับร้านอาหารอย่างเดียว
ข้าวตามสั่งจานละ 45 บาท ไม่ขูดรีดมาก ปกติกินข้างบ้านที่กรุงเทพ ก็ 35-40 บาทอยู่แล้ว
กินเสร็จ ก็ถ่ายรูปแถวๆ ร้าน
ตกกลางคืน ก็กรึ๊บกันพอเป็นกระสายแก้หนาว โน่อุตส่าห์แบกแบล็คเลเบิ้ลขนาด 1 ลิตรมาด้วย
มีประโยชน์มาก เพราะนั่งๆ กันอยู่ โน่ก็บ่นคันหลัง เอื้อมมือไปจับแล้วบอกว่ารู้สึกหยุ่นๆ
เลยเลิกเสื้อ เห็นทากเกาะอยู่กลางหลัง เลยดึงออกมา เวลาดึงทากนี่ต้องดึงตรงๆ
เพราะถ้ามันฝังขากรรไกรดูดเลือดไปแล้ว แผลจะได้ไม่ใหญ่มาก จับด้านใกล้ปากมัน
ออกแรงนิดนึง เทเหล้าใส่ภาชนะเล็กน้อย แล้วก็เอาทากใส่ลงไป เดี๋ยวมันก็เมา นอนเหยียดยาวแน่นิ่ง
ไม่มากวนใจอีกต่อไป แต่จริงๆ ถ้าไม่รำคาญก็ปล่อยให้มันดูดจนอิ่ม เดี๋ยวมันก็สลัดตัวออกไปเอง
(ควรใช้กรณีที่เดินป่าอยู่ กรณีเข้านอนแบบนี้ไม่แนะนำ ดึงออกแหละดีแล้ว)
คืนนี้หลับเร็ว เพราะเพลีย คิดว่าไม่เกิน 4 ทุ่มก็สลบกันหมด
ลิงก์ –
ภูกระดึง day 2
“เทเหล้าใส่ภาชนะเล็กน้อย แล้วก็เอาทากใส่ลงไป”
อ่านถึงตรงนี้ ตอนแรกเข้าใจว่าจะทำยาดอง
^
^
ยาดองทาก คงไม่มีใครกล้ากินอะครับ 😀
ทากไม่เท่าไหร่ เลือดคนในท้องมันนี่สิ – -“
😉 ตามมาอ่านต่อ ได้อารมณ์กว่าชมภาพเฉยๆ ฮ่า ฮ่า
รูปสุดท้ายเนี่ย.. หน้าเมา ตั้งแต่เหล้ายังเต็มขวดเลย