พฤหัสที่ผ่านมาวาสนาดีได้รับแจกตั๋วรอบสื่อมวลชนจากพี่ @hiangg ในทวิตเตอร์
รีบไปดูอย่างลิงโลด เพราะติดตามมาตั้งแต่รู้ว่าจะเอาการ์ตูนเรื่องนี้ไปทำเป็นหนัง
โดยฝีมือผู้กำกับแมทธิว วอจ์น ที่ชอบมาตั้งแต่ Layer Cake กับ Stardust
หนังฉายสองทุ่มที่สกาล่า ก็ไปเอาตั๋วแต่หัวค่ำ
ตัวการ์ตูนต้นฉบับนั้นเป็นผลงานการเขียนเนื้อเรื่องของมาร์ค มิลล่าร์ กับคนวาดจอห์น โรมิต้า จูเนียร์
ผลลัพธ์ออกมาเป็นแนวลายเส้นสวยดิบ เนื้อเรื่องดุดันปนอารมณ์ขันร้ายกาจ
ว่าด้วยเด็กหนุ่มบ้าการ์ตูนที่สงสัยว่าทำไมถึงไม่มีใครคิดอยากเป็นซูเปอร์ฮีโร่แบบในหนังสือบ้าง
แล้วเจ้าตัวก็เริ่มซะเอง สั่งชุดจากอินเตอร์เนท แล้วออกผดุงความยุติธรรมโดยที่ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร
ฉากจบเล่มแรกคือโดนผู้ร้ายอัดน่วมต้องเข้าโรงพยาบาลอาการสาหัส!
ทำให้โทนเรื่องดูเหมือนฮา แต่ลายเส้นซีเรียสจริงจังเลือดสาด สไตล์ตลกร้าย
หน้าปกการ์ตูนเล่ม 2 ที่บอกเหตุการณ์ตอนจบของเล่มแรกได้ชัดเจน
หลังจากนั้นก็ยังไม่เข็ด ออกมาปฏิบัติการอีก ระหว่างที่ตะลุมบอนกับกลุ่มผู้ร้าย
บรรดาฝรั่งมุงที่นอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังถ่ายวีดีโออัพโหลดขึ้น YouTube
ทำให้ตัวเอกที่เรียกตัวเองว่า Kick-Ass ดังระเบิดไปทั่วอเมริกาในชั่วข้ามคืน
มาร์ค มิลล่าร์นั้นกำลังกลายเป็นบุคลากรที่ฮอลลีวู้ดต้องการตัวหลังจากการ์ตูน Wanted
ถูกนำมาดัดแปลงเป็นหนังและประสบความสำเร็จ ทำให้มิลล่าร์มีเนื้อเรื่องการ์ตูนที่กำลังจะออกมาเป็นหนังอีกหลายเรื่อง
(ถ้าสนใจผลงานการ์ตูนที่มิลล่าร์เขียน แนะนำให้ลองไปอ่าน Wolverine: Old Man Logan ที่ Comics66) ^_^
ตัวหนังค่อนข้างเดินตามการ์ตูน เว้นแต่ตัวละคร Hit Girl กับ Big Daddy ที่ออกแบบแตกต่างไป
แต่ก็เหมาะสมกับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ดี
หนังใส่ลูกเล่นแพรวพราวทั้งเทคนิคด้านภาพที่มีส่วนผสมทั้งการ์ตูนและวีดีโอเกม
ภาพการ์ตูนในหนังก็ได้โรมิต้ามาวาดให้เหมือนเดิม
ฉากรุนแรงทั้งหมดถูกทำให้ดูเบาลงด้วยภาพสโลว์บ้าง ด้วยดนตรีประกอบให้ดูเป็นทีเล่นทีจริงบ้าง
ทำให้หนังไม่ดูโหดเสียวสยองแบบ Ninja Assassin หรือพวกหนังของเควนติน ทารันติโน่
และยังมีมุกตลกแทรกเป็นระยะ
ตัวละคร Hit Girl น่าจะเป็นคนที่ได้รับความสนใจมากที่สุด รับบทโดยน้องโคลอี้ มอเร็ตซ์
ที่เพิ่งดูผ่านตามาในบทน้องสาวแก่แดดของพระเอก (500) Days of Summer
มาเรื่องนี้ก็โชว์ลีลาแอ๊คชั่นแถมบทพูดก็เปรี้ยวแก่นแสบซ่าน่ารักเป็นที่สุด
ซึ่งตอนดูหนังตัวอย่างผมคิดว่าจะไม่ค่อยชอบซะอีก เพราะคิดว่ามันแต่งตัวไม่เหมือนการ์ตูนมากเกินไป
แต่เอาเข้าจริงปรากฏว่าเจ๋งมาก
ความแตกต่างของการเล่าเรื่องของหนังกับการ์ตูนคือ ในการ์ตูนเราคนอ่านจะไม่ได้รู้มาก่อนเลยว่า
Big Daddy กับ Hit Girl คือใคร ซึ่งทำให้การเปิดตัวของสองคนนี้เป็นเรื่องน่าทึ่งและชวนช็อค
แต่หนังไม่ปิดบังที่จะเล่าถึงสองคนนี้ต่อจากตัวเอกเลย แต่ฉากเปิดตัวก็ทำได้เจ๋งไม่แพ้กัน
ธรรมชาติของการ์ตูนมันจะหักมุมที่ท้ายเล่มเพื่อให้อยากอ่านเล่มต่อไป
แต่หนังเล่าเรื่องให้เห็นภาพกว้างแล้วค่อยๆ ตีวงเข้ามา กั๊กทีเด็ดไว้นิดหน่อย และก็ทำได้ดีมากๆ
เนื้อเรื่องค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกับการ์ตูน ไม่ได้แตกต่างกันมากเหมือนกรณีเรื่อง Wanted
เข้าใจว่าเพราะมิลล่าร์ได้พัฒนาบทใกล้ชิดกับผู้กำกับมากกว่าคราวก่อน
การ์ตูนมี 8 เล่มจบ (แต่อาจมีต่อ) ฉบับรวมเล่มปกแข็งกำลังจะออกเร็วๆ นี้ ใครดูหนังแล้วติดใจ
เตรียมตัวหาซื้อมาไว้ในครอบครองได้เลย
หนังสนุก ยาวเกือบ 2 ชั่วโมงเต็ม ดูเพลิน ฮาเป็นระยะ แอ็คชั่นพอเหมาะ
เนื้อเรื่องสมจริงเสียดแทงสังคม แม้ว่าจะเคยอ่านการ์ตูนมาก่อนก็ยังสนุกไปกับหนัง
ได้คุยกับคนที่ไม่เคยอ่านก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสนุกและเข้าใจง่าย
เรื่องนี้ได้ เรท น.18 นะครับ เวอร์ชั่นการ์ตูนก็เป็น Parental Advisory เหมือนกัน
ผู้ปกครองควรแนะนำ ไม่ใช่เห็นเป็นหนังการ์ตูนฮีโร่ก็พาลูกเข้าโรงกันเรื่อยเปื่อย
ชอบครับ จะไปเสียเงินดูเองอีกรอบแน่นอน ถ้าจะให้นิยามสั้นๆ
ต้องขอใช้ภาษาเดียวกับหนังว่า It’s F**king Awesome!
ปล. ดาราที่เล่นเป็นหัวหน้าเหล่าร้ายในเรื่องคือ มาร์ค สตรอง เป็นคนที่น่าสนใจมาก
เพราะมักได้เล่นหนังซ้ำๆ กับผู้กำกับคนเดิมที่เคยร่วมงาน (ผู้ร้ายดีเด่น?) แนะนำให้ลองไปไล่เครดิตดูได้
ปอ. ซับไตเติ้ลไทยแปลแบบใส่อารมณ์และสำนวนวัยรุ่นเต็มที่มาก ต้นฉบับก็แจกฟักแฟงและศัพท์สแลงกันเกลื่อน
อาทิ Kick-Ass = เกรียนโคตร, Ass-Kick = โคตรกาก, Hit Girl = จิ๋วจี๊ด, Cunts = เห็ดสด!!!
แถมมีประโยคล้อเลียน Spider-Man อย่าง “With no power comes no responsibility”
ขอบคุณครับบบ
ยกนิ้วให้อีกคน
สนุกมากครับ ยังไม่เคยอ่านฉบับการ์ตูนเลย อยากหามาอ่านจัง ว่าเเต่หนังจะมีภาคต่อรึเป่ล่า
การ์ตูนมีภาคต่อแล้วครับ มาร์เวลวางขายเล่ม 1 เดือนสิงหาคม 2010 นี้นี่เอง
ส่วนเวอร์ชั่นหนังก็จะตามมาปี 2012 ครับ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ผู้กำกับและดาราชุดเดิมก็จะมากันครบ
ตอนนี้ผู้กำกับแมทธิว วอห์นกำลังทำ X-Men: First Class อยู่
ออกฉายปีหน้า (2011) ครับ