Ip Man ยิปมัน จ้าวกังฟูสู้ยิบตา

ถ้าไม่รู้ว่าเป็นหนังจีนกังฟูคงอ่านชื่อหนังเรื่องนี้ว่า ไอพีแมน – -”
ip-man

หนังเป็นเรื่องราวของปรมาจารย์กังฟูชื่อยิปมัน ที่โด่งดังมากเพราะภายหลังเป็นครูมวยที่มีลูกศิษย์มากที่สุด
หนึ่งในนั้นมีอดีตดารานักบู๊ บรูซ ลี ด้วย
เปิดเรื่องมาจะได้เห็นว่ายิปมันค่อนข้างจะเป็นคนน่าอิจฉา อยู่บ้านหลังใหญ่ ครอบครัวอบอุ่น
มีเมียสวย ลูกน่ารัก แต่งตัวดีทุกคน เข้าใจว่าน่าจะเป็นตระกูลผู้มีอันจะกินในชุมชนคนนึง
แล้วก็เก่งมาก แต่ถ่อมตัว ไม่เคยอวดอ้างและไม่รับลูกศิษย์ ทั้งที่เมืองนี้มีสำนักมวยมากมาย
และมักจะมีคนมาขอ “แลกเปลี่ยนวิทยายุทธ” บ่อยๆ คือมาท้าสู้นั่นแหละ ยิปมันก็เหมือนเป็นฮีโร่ของชุมชนด้วย
แล้วก็มีจุดหักเหช่วงญี่ปุ่นบุกจีนตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ชีวิตต้องลำบาก
บ้านโดนยึดเป็นกองบัญชาการทัพญี่ปุ่น แล้วก็ตามสูตร ต้องมีนายทหารญี่ปุ่นชอบต่อสู้
เอาคนจีนไปซ้อมเล่น เราก็จะได้เห็นกังฟูปะทะคาราเต้อย่างเมามัน

หนังดูสนุกและเพลินมาก ฉากต่อสู้รุนแรง สมจริง แบบที่นิยมในช่วงนี้
หลังจากที่ไปเห่อแนวเหาะเหินเดินอากาศแบบท่าสวยสไตล์หยวนวูปิงมานาน
อันนี้คิวบู๊คุมโดยหงจินเป่า (แต่ก็ไม่ใช่แนวเล่นจริง เจ็บจริงนะ ยังมีใช้สลิงบ้าง)
ตัวอาจารย์ยิปมันรับบทโดยเจิ้นจื่อตัน ที่เดี๋ยวนี้ต้องเรียกว่า ดอนนี่ เยน แล้ว
พักนี้เค้าเล่นหนังบ่อยมากจริงๆ เรื่องนี้เหมือนโฆษณากันว่าเป็นบทที่ดีที่สุดในชีวิตของเค้า
ผมว่าจริงนะ บทมันดีจริงๆ หนังก็ทำได้ดีด้วย แล้วก็ไม่ได้น้ำเน่าจนน่าเบื่อ เห็นว่าปีนี้กำลังจะมีภาค 2 ออกมา
แล้วก็ยังจะมีเวอร์ชั่นของเฮียหว่องกาไว ที่จะให้เหลียงเฉาเหว่ยแสดงเป็นยิปมันอีกด้วย ไม่รู้จะออกมาเป็นไง
แต่หลายคนก็รอดูกัน เพราะแฟนเดนตายชอบหนังของผู้กำกับแนวเปลี่ยวเหงาตัวพ่อก็มีอยู่ไม่น้อย

เทียบกับเรื่องเก่าคือ Flash Point (ลุยบ้าเลือด) ที่ดอนนี่เล่นกับผู้กำกับคนเดียวกันนี้ ใครๆ ก็บอกว่าสนุก
แต่ผมว่าไม่สนุก คิวบู๊มันดิบๆ ทุลักทุเลไงไม่รู้ เลยไม่ชอบ บทก็เชย แบบหนังตำรวจกับมาเฟีย
หรือเรื่องใหม่หน่อยอย่าง 5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น ก็ยังไม่ชอบเท่าไหร่
แต่กับ Ip Man นี่ พวกฉากตัวละครเก่งๆ สู้กัน (ซึ่งก็มีแค่ 3-4 ฉากเองนะ) มันสนุกดี
ถ้าวัดระดับความสนุกได้ ผมว่ามันสนุกพอๆ กับตอนที่อ่านการ์ตูนโคทาโร่ภาคศึกชิงจ้าววิทยายุทธทั่วประเทศเลยแหละ
หรือเทียบกับหนังแนวประลองยุทธด้วยกัน ผมชอบเรื่องนี้มากกว่า Fearless ของหลี่เหลียนเจี๋ยเยอะเลย

จำไม่ได้ว่าหนังได้เข้าฉายบ้านเรารึเปล่า แต่ได้ยินมาเยอะว่าสนุกเพิ่งมีโอกาสได้ดู
แผ่นแท้ราคาแค่ 79 บาท ถ้าเจอก็หยิบได้เลยไม่ต้องคิด เริ่มหายากแล้ว หมดไปหลายร้าน
ผมไปคุ้ยได้จากร้านบูมเมอแรง สาขาฟอร์จูน แต่ปกดีวีดีเวอร์ชั่นบ้านเรามันรกไปหน่อย

ช่วงหลังห่างวงการหนังจีนมานาน ถ้าใครจำได้ เกือบยี่สิบปีก่อนหนังจีนฮ่องกงเฟื่องฟูในบ้านเราสุดๆ
มีนิตยสารหนังจีนโดยเฉพาะเลย ชื่อ โกลด์สตาร์ ผมซื้อตั้งแต่เล่มแรก
หน้าปกโจวเหวินฟะในเรื่อง Full Contact (บอกโลกว่าข้าตายยาก) ที่มาถ่ายทำในเมืองไทยด้วย
จำไม่ได้ว่าหนังสือออกมาได้กี่ปี ตอนนี้มีหนังจีนดีๆ ให้ดูบ่อยขึ้น จับตาไว้ให้ดีนะครับ
รู้สึกว่าเทรนด์หนังจีนกำลังกลับมาแล้ว (ขอทำนายกะเค้ามั่งเหอะ) 😛

ปล.ถ้าได้ดูแล้ว แนะนำให้อ่านบล็อก Made In Hong Kong ด้วยครับ ข้อมูลแน่นมากตามประสาแฟนหนังจีนตัวจริง 😉
Ip Man – ยิปมัน จ้าวกังฟูสู้ยิบตา (2008, Wilson Yip)

ปั่นท้าแดด กรุงเทพ-หัวหิน

หลังจากประสบความสำเร็จพอควรจากการปั่นกรุงเทพ-สุโขทัยคราวก่อน
คราวนี้เลยลองปั่นลงใต้บ้าง ครั้งนี้ไม่มีการเตรียมตัวอะไรกันเลย
แค่ตั้งใจว่าสิ้นเดือน 27-28 กุมภาจะปั่นไปหัวหิน ปั่นสบายๆ คงใช้เวลา 2 วัน
เพราะทริปที่แล้วก็ปั่นกันได้วันละร้อยกว่าโล ตอนแรกว่าจะไปกันทั้งบ้านสามคน
แต่ @ipats ติดธุระต้องไปงานแต่งงานเพื่อน แล้วจะตามไปทีหลัง
ตอนแรกเลยเหลือแค่ผมกับโน่ @hypermale
ก่อนพี่ก๊อง @jirakul จะมาสมทบเป็น 3 คนในตอนสายหลังจากอิดออดอยู่นาน 😛

เช้าวันเสาร์ออกเดินทางจากบ้านแต่เช้า ขึ้น BTS ไปลงปลายทางสถานีวงเวียนใหญ่
on BTS Mo Chit to Wongwian Yai

IMG_0461

แล้วปั่นต่อไปจนทะลุถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายไปทางพระราม 2 แวะกินข้าวเช้าในปั๊มเชลล์พระรามสอง
รอพี่ก๊อง @jirakul อยู่ที่ปั๊มจนสิบโมง พี่เค้าก็ปั่นจากบ้านบางบัวทองมาสมทบ
ครบ 3 คนแล้วก็ออกลุย นี่เป็นทริป Kona Stinky ล้วนๆ เลย
รถทั้ง 3 คัน ได้แก่ Stinky ของโน่, Stinky Deluxe ของพี่ก๊อง แล้วก็ Stinky Air ของผม
น่าไปขอสปอนเซอร์เนอะ ว่ารถฟรีไรด์ก็ปั่นทางไกลได้ด้วย ซื้อใช้แล้วคุ้ม 😀

เส้นทางถนนพระรามสองรถเยอะพอควร ช่วงแรกยังสบายๆ ปั่นไปเรื่อยๆ
มีรถบรรทุกเยอะเหมือนกัน พักเดียวก็เข้าเขตสมุทรสาคร
IMG_0465

บ่ายสองก็ถึงสมุทรสงคราม
IMG_0470

วิวสองข้างทางเป็นทุ่งนา…เกลือ! สลับโรงงานอุตสาหกรรม แทบไม่มีต้นไม้เลย
ร้อนสุดๆ แถมไหล่ทางก็กว้าง กว้างจนกลายเป็นเลนให้รถยนต์นิสัยเสียใช้เป็นเลนแซงซ้าย
และรถมอเตอร์ไซค์ใช้เป็นเลนสวน จะมีมอเตอร์ไซค์ขับสวนมาแทบจะทุก 10 นาที
ต้องคอยระวัง มัวแต่ก้มหน้าก้มตาปั่นอาจซวยได้

ที่เลวร้ายที่สุดคือมีลมพัดต้านด้วยครับ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเจออุปสรรคนี้
ตอนปั่นขึ้นเหนือไม่เคยเจอ ลมแรงมาก ทำให้ต้องออกแรงเหมือนปั่นขึ้นเนินตลอดเวลา
และที่โหดเข้าไปอีก คือเส้นทางสายใต้มีสะพานเยอะมากครับ
นึกสงสัยว่าสมัยก่อนที่พี่ @pphetra ปั่นไปภูเก็ตมันมีสะพานเยอะแบบนี้รึยัง
ทั้งสะพานข้ามคลอง สะพานข้ามทางรถไฟ แล้วก็สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน กับแม่น้ำแม่กลอง
พวกสะพานข้ามคลองไม่เท่าไหร่ เพราะไม่ชัน
แต่สะพานข้ามทางรถไฟ กับสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่ ผมต้องลงเข็นสถานเดียว

ข้างถนนจะมีแผงขายเกลือ ปลาทูแม่กลอง ขนมจาก มันร้อนแล้งจริงๆ
ได้ความรู้เพิ่มว่านาเกลือ นอกจากจะทำเกลือแล้ว ยังมีผลผลิตอีกสองอย่าง
คือ ดอกเกลือ เป็นเกลือที่จับตัวลอยขึ้นมาก่อน จะเม็ดละเอียด เค้าก็ช้อนมาขาย
ที่เหลือพอน้ำทะเลแห้งหมดทั้งแปลงนาก็จะเป็นเกลือเม็ด ส่วนพื้นนาก็จะเป็นปุ๋ยขี้แดด
บางร้านก็เรียกว่า หนังหมา เอามาขายได้อีก

ก็ก้มหน้าก้มตาปั่นไปเรือยๆ ครับ จุดหมายอีกไม่ไกล
-5

จนถึงประมาณแถว กม.72 ราวห้าโมงเย็น แวะปั๊ม ปตท. หาของกินรองท้องนิดหน่อย
เติมน้ำด้วย คราวนี้ไม่ได้พกเป้น้ำมาเลย หาซื้อข้างทางอย่างเดียว
ออกจากปั๊มก็เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางเลียบป่าชายเลน ทางนี้จะสั้นกว่าเส้นทางหลักเล็กน้อย
แต่ถนนจะแคบ ดีตรงที่รถไม่เยอะ แล้วก็มีร่มเงาบ้าง แต่ก็ยังลมแรงมาก -*-

สะพานข้ามอ่าวบางตะบูน
สะพานข้ามอ่าวบางตะบูน

พอพระอาทิตย์ใกล้ตกมันสวยดีครับ แล้วก็เจอสะพานนรกตรงปากน้ำเพชร

เข็นเท่านั้น ไม่ต้องคิดมาก

พอฟ้ามืด ยังอยู่แค่ อ.บ้านแหลม เปิด GPS ดูกันพบว่าอำเภอนี้ไม่มีโรงแรมเลย
ต้องกัดฟันปั่นต่อไปอีกประมาณ 15 กม. เพื่อเข้าตัว อ.เมืองเพชรบุรี
แถวนี้ผู้คนใจดีครับ โบกมือทักทายตลอดทาง แต่หมาดุมาก ต้องออกแรงปั่นหนีอยู่เรื่อยๆ
ไม่กลัวหมากัด แต่กลัวมันวิ่งชนรถล้ม 😀

ช่วงนี้ได้เห็นคอนโดฯนกนางแอ่นด้วย แถวนี้เลี้ยงกันเยอะ
ตอนเห็นตึกใหญ่ๆ นึกว่าเป็นโรงแรมหรืออพาร์ทเมนท์ แต่พอเห็นใกล้ๆ ถึงรู้ว่าเป็นอาคารที่สร้าง
ให้นกนางแอ่นมาทำรัง มีการเปิดเสียงนกล่อให้นกเข้ามาอยู่ด้วยนะ

สองทุ่มก็มาถึงโรงแรมรอยัลไดมอน คืนแรกนอนที่นี่แหละ ป้าร้านค้าข้างทางที่แวะกินน้ำแนะนำมา
ว่าเป็นโรงแรมอันดับหนึ่งของเมืองเพชร ก็ไปเช็คอิน คืนละ 900 บวกเตียงเสริมอีก 350 บาท
มีห้องเก็บของให้เอาจักรยานไปซุกได้ อาบน้ำกันแล้วก็ออกไปกินข้าวร้านพวงเพชรใกล้ๆ โรงแรม
ไปถึงครัวกำลังจะปิดพอดี เลยรีบสั่งแบบมึนๆ แต่อาหารก็อร่อยดีครับ
IMG_0473

เช้าอีกวันออกเกือบเก้าโมง เหลืออีกไม่ถึงร้อยกิโลเมตร ตอนเช้าไม่มีลมต้าน ค่อยยังชั่วหน่อย
แต่พอใกล้ๆ เที่ยงก็มาอีกแล้ว จากที่เคยปั่นได้ 20 กม./ชม. เจอลมเข้าไปเหลือไม่ถึง 15 กม./ชม.
กะเอาจากหลักกิโลข้างทาง ช่วงนี้พักบ่อยหน่อย
-6

ถึงชะอำประมาณเที่ยง แวะพักกินน้ำแล้วก็ลุยต่อ แล้วก็มียางรั่วกันจนได้
แต่เรื่องเล็กครับ แก้ไขแป๊บเดียวก็ปั่นต่อฉลุย
IMG_0494

บ่ายสองครึ่งก็ถึงหัวหินเรียบร้อย เสียดายไม่ได้แวะถ่ายรูปกับแลนด์มาร์คสำคัญๆ ทั้งหลายเลย
ผ่าน “เพลินวาน” ด้วย อยู่ฝั่งตรงข้าม คนเยอะมากอย่างกับมีของแจกฟรี – -”

เข้าเมืองหัวหินก็เลี้ยวเข้าซอยหัวหิน 55 ไปร้าน Cool Kitch’n ของเพื่อนนาย @hypermale
ก็เจอมิ้นต์ น้องในกลุ่มเมเจอร์ไบค์ กับ @ipats มารออยู่แล้ว ไม่รู้แซงมาตอนไหน คลาดกันไปนิดเดียว
ไม่งั้นคงได้ฝากกระเป๋าใส่รถ จะได้ปั่นสบายๆ มาด้วยซะหน่อย

เจอน้องโมทย์ นักปั่นที่หัวหินแวะมาทักเพราะเห็นจักรยานจอดอยู่หน้าร้าน นึกว่าเราจะมาดาวน์ฮิลกัน
ก็มานัดแนะว่าตอนเย็นๆ ค่ำๆ อาจไปปั่นเล่นด้วยกันหน่อย (แต่สุดท้ายก็ไม่มีแรงไป)

กินข้าวกินปลากันแล้วก็ปั่นไปร้านกาแฟนิดนึง
-3

ก่อนจะปั่นต่อไปบ้านพักเพื่อนบนเขาหินเหล็กไฟ อีก 5 กม. ไม่ไกล แต่แอบมีเนินเขาชันอีกเป็นด่านสุดท้าย
บ้านอยู่ในหมู่บ้าน La Valee หรูเชียว ยามเข้มงวดดีด้วย ก็แลกบัตรเข้าไป
-1

เข้าบ้านได้ก็อาบน้ำอาบท่า ออกมากินข้าวตอนเย็น แล้วก็เพื่อให้มาถึงหัวหินจริงๆ
ผมกับพี่ @jirakul เลยไปหาหมอนวดกัน 😀
น้องโมทย์ที่มาชวนให้ไปดาวน์ฮิลเล่นด้วยกันบนเขาเป็นเจ้าของเกสต์เฮ้าส์แล้วก็มีบริการนวดด้วย
เลยไปนอนนวดเท้ากันสบายใจ ชม.ละ 200 กลับถึงบ้านพักก็หลับเป็นตาย
IMG_0507

วันรุ่งขึ้นบ่ายๆ ก็เอาจักรยานใส่รถยนต์กลับ ทิ้งรถไว้ที่นู่นสองสามคันที่ใส่มาไม่หมด
ไว้อาทิตย์ที่ 14-15 มี.ค. ค่อยกลับไปเอาตอนงานว่าวนานาชาติ ที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน

ขากลับแวะซื้อปลาทูแม่กลองมาทอดกิน แล้วก็ซื้อดอกเกลือมาถุงนึง ดูซิว่าจะเค็มมากน้อยกว่าเกลือธรรมดาแค่ไหน
ถุงละ 20 บาทเอง ได้ประมาณ 2 กิโลกรัมมั้ง
ถึงบ้านทุ่มนึง เอาน้องแอร์ที่แยกร่างกลับมาประกอบเก็บ เป็นอันจบทริป
IMG_0509

สรุปทริปนี้ปวดขาเล็กน้อยจากการปั่นต้านลม หน้าไหม้ไปเลยเหมือนกันเพราะแดดแรง
ตอนนี้จมูกกำลังลอกได้ที่ ต้นคอด้านหลังนี่ยังแสบไม่หาย หน้าผากก็ดำ
ข้อมือดำเป็นรอยต่อตรงปลายแขนกับถุงมือ เสื้อแขนยาวไม่ช่วยอะไรเลย T_T

รูปที่เหลืออยู่ใน Flickr เหมือนเดิม ทริปนี้ถ่ายวีดีโอมาด้วย
ขอบคุณ @tpagon ที่ให้ยืม Sony Bloggie มาลองเล่น ภาพชัดเชียวแหละ
แปะไว้อันนึงใหัฟังเสียงลมกัน ที่เหลือถ้าอยากเห็นก็ไปดูที่ Majorbike ต่อละกันนะครับ

ปล.ทริปปั่นรอบนี้ทำให้ต้องพลาดการไปเยือนปายและร่วมงานแต่งงาน @sweetener กับ @iMenn ได้แต่ร่วมส่งของขวัญวันแต่งไปกับ @inanza แทน ขอให้มีความสุขกันทั้งคู่นะครับ ^_^