ก่อนไปดูคิดว่าชื่อไทยหนังเรื่องนี้มันเฮ้ยเห่ย…แต่ดูจบแล้วก็ชอบจนยอมให้อภัย
ชื่อมันก็สมกันดีกับเนื้อหาหนังที่ทั้งน่ารักแล้วก็สนุกเรื่องนี้แล้วแหละ
เรื่องนี้เป็น 1 ใน 3 หนังที่เข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดเยี่ยม
ร่วมกับ Wall-E และ Kung Fu Panda แล้วก็แพ้วอลล์อีไปแบบไม่ต้องลุ้นอะไร
ซึ่งก็ได้ดูครบทั้งสามเรื่องแล้ว ชอบทุกเรื่องเหมือนกัน
ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าว่าหนังได้รับการประชาสัมพันธ์ค่อนข้างน้อย ซึ่งทางดีสนีย์ประเทศไทยเอง
ก็เหมือนจะมองข้ามไป หันไปเน้นหนังโปรแกรมถัดไปอย่าง Racing to Witch Mountain ของเดอะร็อคแทน
ดูได้จากบิลบอร์ดตรง BTS สถานีสยาม กับ MRT พหลโยธิน เหมือนจงใจหลีกทางให้ Watchmen
ที่ฉายชนกันสัปดาห์นี้ ก็น่าเสียดายนิดนึง
Bolt เล่าเรื่องของหมาตัวเอกที่เติบโตมาในกองถ่ายโดยถูกทำให้เชื่อว่าเรื่องราวการผจญภัยกับสาวน้อยเพนนี
เป็นความจริง รวมทั้งพลังพิเศษทั้งหลายที่มันมีด้วย ฉากเปิดเรื่องทำได้ตื่นเต้นเร้าใจดี อันนี้ชอบ
จนเกิดเหตุทำให้โบลท์เข้าใจผิดว่าเพนนีถูกจับตัวไปจริงๆ เลยหาทางช่วยเต็มที่ จนพลัดหลงไปไกลจากฮอลลีวู้ดถึงนิวยอร์ค
แล้วก็เข้าสูตร 1 หมา 1 แมว 1 หนู ที่ต้องเดินทางกลับบ้านข้ามประเทศ ผจญภัยร่วมกัน ได้อารมณ์โร้ดมูฟวี่นิดๆ
ตัวละครได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน สนุกสนาน ตื่นเต้น ซาบซึ้ง ครบรสตามประสาหนังดีสนีย์
ถ้าใครดูน่าจะชอบตัวละคร ไรโน่ เดอะแฮมสเตอร์ หนูโอตาคุในลูกบอลใส ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของโบลท์แบบเข้าเลือด
เป็นตัวขโมยซีนมาก ผมฮากับมันสุดๆ โดยเฉพาะฉากออกจากลูกบอลครั้งแรก
แล้วก็มีมุกกัดจิกวงการมายาทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเขียนบทเพื่อเปลี่ยนตัวนักแสดง การยืดเรื่องออกทะเล
แบบกู่ไม่กลับราวกับว่าผู้สร้างมีสมองเหมือนนกพิราบที่คิดเนื้อเรื่องแบบนั้นออกมาได้
หนังดูสนุก ความยาว 103 นาที ก็ประมาณชั่วโมงครึ่งตามมาตรฐานอนิเมชั่นทั่วไป
ฟังเสียงจอห์น ทราโวลต้าพากย์เป็นโบลท์ก็ทำได้ดี ซับไตเติ้ลไทยเยี่ยมมาก เก็บมุกได้ละเอียด
อันนี้เชื่อมือขาประจำค่ายนี้ (คุณธนัชชา ศักดิ์สยามกุล) สรุปว่าสนุกมาก ชอบมาก (อีกแล้ว)
มีข้อสังเกตกันว่า กระแสของ Bolt อาจทำให้หมาพันธุ์อเมริกันไวท์เชพเพิร์ดเป็นที่นิยมเลี้ยงกันมากขึ้น
เหมือนสมัยที่การ์ตูน Finding Nemo แทบจะทำให้ปลาการ์ตูนหมดทะเลไทย
แต่ก็อาจถูกทิ้งมากขึ้นหลังกระแสหมดไปได้เหมือนกัน