ภูกระดึง day 4

26 ต.ค.
วันสุดท้าย ตื่นเช้ากว่าเพื่อน ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน หมอกยังจัด ฝนโปรยปรายเหมือนเดิม

เก็บข้าวของแล้วไปนั่งกินกาแฟที่ร้านชาชักเจ้าเก่า แล้วก็อัดขนมปัง ปาท่องโก๋ เต็มพิกัด

โน่ซื้อรองเท้า “สตั๊ดดอย” แบบที่ลูกหาบใช้ มาแทนคู่เก่าที่กัดเพราะเดินแบบเปียกๆ ทั้งวัน

บรรยากาศเช้าวันกลับ

กลับเต๊นท์ คืนถุงนอน หมอน แผ่นรองพื้น แล้วก็เดินลงตอนเกือบๆ 9 โมง
ถึงหลังแป ฝนก็ตกลงมาอีก ก็เดินลงภูกันทั้งฝนๆ นั่นแหละ ตื่นเต้นดี
เว้นระยะห่างกันหน่อย เผื่อใครพลาด ลื่นกลิ้งไป จะได้ไม่เป็นโดมิโน่

เดินลงก็เหนื่อยเหมือนเดิม แถมปวดขามากกว่าขาขึ้นอีก
พักทุกจุดเหมือนเดิม แต่พักสั้นกว่าขาขึ้น นั่งแป๊บเดียวก็เดินต่อ
เดินมาเรื่อยๆ จนถึงจุดพักสุดท้าย มีคนขึ้นสวนมาบ้างประปราย
ระหว่างทางมีน้องคนนึงบริจาคน้ำขวดใหญ่ให้ 1 ขวดเต็มๆ ที่ซำแฮ่ก เพราะว่าแบกต่อไปไม่ไหว
น้องเค้าเพิ่งเคยมา ไม่รู้ว่ามีน้ำขายให้เกือบตลอดทาง ก็ช่วยรับมา หนักเพิ่มอีกกิโลครึ่ง
เลยรีบๆ ช่วยกันกินให้มันหมดไปเร็วๆ

เที่ยงครึ่งถึงตีนภู อาบน้ำ ซื้อของฝาก ของกินนิดหน่อย เอาโปสการ์ดไปประทับตราอุทยาน
แล้วก็หยอดตู้ไปรษณีย์แถวนั้น นั่งรถสองแถวกลับผานกเค้า รอรถบัสกลับกรุงเทพตอนบ่าย 3 โมง
กินข้าวร้านเจ๊กิมตรงท่ารถเหมือนเดิม

บ่ายสามก็ตรงดิ่งกลับกรุงเทพ แต่เพราะฤทธิ์กาแฟสด ผมเลยนอนไม่หลับตลอดทาง 8 ชั่วโมงเลย
ถึงบ้านเที่ยงคืน เอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า ผึ่งไว้ ค่อยซักทีหลัง แล้วก็คลานขึ้นบันได

รวมค่าใช้จ่าย 3 คน หมดไปประมาณ 7 พันกว่าๆ กับอาการปวดขาที่ไม่รู้จะตีราคาเท่าไหร่ดี
ตอนนี้ขึ้นลงบันไดบ้านต้องค่อยๆ ก้าว เป็นที่น่าเวทนา แต่ก็คุ้มครับ ไม่เสียชาติเกิดแล้ว

เกือบลืมรูปสำคัญ ได้แรงบันดาลใจจากคนแถวนี้ 🙂

เป็นอันจบทริปโดยสมบูรณ์ รูปที่เหลือทั้งหมดดูได้ที่ flickr

ลิงก์ –
ภูกระดึง day 3

ภูกระดึง day 3

25 ต.ค.
วันนี้ตอนแรกตั้งใจจะไปผาหล่มสักอีกรอบ กะว่าจะปั่นจักรยานไป แต่สอบถามราคาดูแล้ว
อัตราค่าเช่าจักรยานคิดเป็นระยะทาง ถ้าจะเช่าไปไกลสุดคือผาหล่มสัก คิด 300 บาท
เลยไม่เอาดีกว่า (ที่จริงปวดขามาก อ้างค่าเช่ารถแพงไปงั้นแหละ)

เอาเข้าจริงเลยเป็นวันแห่งความขี้เกียจ คือเน้นนอนพักผ่อน ตื่นอีกทีก็เกือบ 11 โมง ก็ไปหาอะไรกินซะ

เกือบๆ บ่ายสาม อยากเดินเล่นกันแค่ใกล้ๆ จุดกางเต๊นท์ เลยเดินไปลานวัดพระแก้ว
ป้ายบอกทางบอกว่าห้ามเข้าหลังบ่ายสาม เพราะอาจเจอช้างป่า ดูนาฬิกา เหลือประมาณ 3 นาทีจะบ่ายสาม
เลยรีบๆ เดินเข้าไป เดี๋ยวบ่ายสามแล้วจะเข้าไม่ได้ ก็เดินกันแบบเสียวๆ มองรอบตัวเป็นระยะ
วันนี้ไม่มีใครเดินเส้นทางนี้กันเลย มีกันสามคนนี่แหละ วังเวงดีแท้

เดินแค่กิโลนิดๆ ก็ถึงลานวัดพระแก้วก็ถ่ายรูปนิดหน่อย

แล้วก็เดินเลาะต่อไปผานกแอ่น

ถ่ายรูปตรงนี้นานหน่อย

ถือโอกาสนั่งพักไปในตัว ไม่มีใครมาแถวนี้กันเลยเหมือนกัน
เพราะเค้าคงมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันตั้งแต่เช้าแล้ว บ่ายๆ เย็นๆ แบบนี้ใครจะบ้ามา

พอเริ่มเย็น ฝนทำท่าจะตกอีก เลยเดินกลับที่พัก เกือบ 5 โมงเย็น
ไปอาบน้ำ กินข้าว แล้วก็นั่งเขียนโปสการ์ดกัน

เสร็จแล้วก็เดินไปนั่งร้านชาชักต่อ แม่ค้าคุยสนุก ช่วยจัดหาของที่ขาดเหลือให้ด้วย ใจดีมาก
ดึกๆ ก็กลับมานอน ก่อนกลับพยายามเลียบๆ เคียงๆ ถามหาสมุนไพรพื้นบ้าน
เผื่อจะเอามาแก้หนาวได้ โชคไม่ดีที่คืนนี้เค้าหาไม่ได้ เลยต้องใช้บริการลีโอแทน
คนละกระป๋องสองกระป๋อง แก้คอแห้งไปได้คืนนึง

ระหว่างนั่งดริ๊งค์กัน เหลือบไปเห็นพี่บิ๊กขวดนี้ในร้าน ไม่เคยเจอครับ

ลิงก์ –
ภูกระดึง day 2
ภูกระดึง day 4

ภูกระดึง day 2

24 ต.ค.
ผมตื่นมาตีห้าครึ่ง ได้ยินเสียงคนเตรียมตัวจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น
แต่ไม่ทันไร ฝนก็เทลงมากระหน่ำ เลยคิดในใจว่าไปดูก็คงไม่เห็นอะไร เลยนอนกันต่อ
ตื่นอีกที 7 โมงเช้า ก็เดินฝ่าฝนและดงทากไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วก็ไปกินข้าว

สายๆ ก็ไปหาที่ชาร์จแบทมือถือ มีปลั๊กอยู่บ้างที่ศูนย์ฯ ต่ายรอบคอบมากที่พกปลั๊กพ่วงมาด้วย
เลยหมดปัญหาปลั๊กเต็ม นั่งอ่านหนังสือที่หนีบไปด้วยเฝ้ามือถือประมาณครึ่งชั่วโมงก็พอ
เพราะไม่ได้โทร ใช้แต่ twitter อย่างเดียว พอ 11 โมง ก็หาเรื่องออกเดินเที่ยว
ส่วนมากวันนี้คนก็จะไปผาหล่มสักกัน เราก็ตั้งใจแบบนั้น แต่จะวนเดินไปทางน้ำตกก่อน

ก็เก็บเรียงไปตามแผนที่เลย ตอนแรกนึกว่าจะเป็นทางราบ ที่ไหนได้ ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนเดิม
ฝนก็ตกเป็นระยะๆ สะพายกระเป๋ากล้องไปด้วย แล้วก็ห้อยกล้องทอย Argus Bean
ที่เพิ่งซื้อมาคนละตัวกับโน่ไปด้วย มันสะดวกดี คุณภาพก็ดีกว่ากล้องในโทรศัพท์มือถือนิดหน่อย
ราคาไม่แพง สองพันนิดๆ ตัวกล้องเป็น snap ring ห้อยหูกางเกงได้ เท่อย่าบอกใคร (ไม่ใช่ในรูปข้างล่างนี้นะ อันนี้ E-520)

เดินอ้อมเก็บไปได้เกือบทุกน้ำตก ก็ต้องตัดสินใจ ว่าจะเดินต่อไปถึงผาหล่มสัก ทางสระอโนดาต
หรือจะย้อนนิดนึง มาที่ผานาน้อยก่อน เพราะจะมีร้านค้า ถ้าไปต่อเลย จะไม่มีร้านค้าอีกเลย
เราต้องเลือกปากท้องไว้ก่อน เพราะมันจะบ่ายโมงแล้ว เลยวกนิดนึงมาผานาน้อย แวะกินข้าวที่นี่กัน

ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปไปเกือบทุกผาที่เป็นจุดพักและมีร้านค้า

แล้วก็เดินต่อไปตามเส้นทางเลียบขอบผาไปเรื่อยๆ ถึงผาหล่มสักเกือบ 5 โมงเย็น
ถ่ายรูปตามสเต็ป มุมมหาชน

พอใกล้ 6 โมงเย็นก็เริ่มมืด แวะร้านชมพู่มะเหมี่ยว ถ่ายรูปมาฝากน้อง @mameou ซะหน่อย
สั่งลีโอมาคนละกระป๋อง ซดให้ชื่นใจคลายปวดเมื่อย แล้วก็เดินกลับ
ช่วงนี้สนุก เพราะทางมืดแล้ว ต้องเอาไฟฉายส่องทางเดินกลับมาเรื่อยๆ
ระหว่างทางก็มีเสียงลมพัดอื้ออึงเป็นระยะ ถ้าเดินคนเดียวคงหลอนตายแน่ๆ
ฟ้ามืดสนิท เงยหน้าไปเห็นดาวเต็มฟ้า ซักพักดาวก็หาย เมฆมามืด ฝนก็เทลงมา
เสื้อกันฝนก็ไม่มี มีแต่แจ็คเก็ตกันหนาวนั่นแหละ แต่ฝนตกไม่หนักมาก พอเดินได้สบาย

ถึงจุดกางเต๊นท์เกือบ 3 ทุ่ม กินข้าวร้านเดิม เพราะให้ข้าวเยอะดี (ชื่อร้านสุขสันต์)
กินเสร็จ ยืนขึ้นก็แทบทรุด เพราะอาการปวดขากำเริบ ก็ค่อยๆ เดินกะย่องกะแย่งกลับเต๊นท์กัน

กำจัดน้ำอำพันจอห์นนี่นักเดินที่เหลืออีกราวๆ ครึ่งลิตรก็หลับกันพลิ้ว

ลิงก์ –
ภูกระดึง day 1
ภูกระดึง day 3

ภูกระดึง day 1

ประกาศปิดที่ทำการ majorbike งดปั่นวันศุกร์ชั่วคราว
ปิดบ้านไปเที่ยวภูกระดึงกันสามหนุ่ม ผม โน่ ต่าย ตั้งใจไปเที่ยวกัน 4 วัน 3 คืน
โน่ไปมา 2 ครั้งแล้ว ต่ายก็เพิ่งไปมาเมื่อต้นปี ผมเกิดมาเพิ่งเคยไปครั้งแรกก็คราวนี้เอง

ออกเดินทางตั้งแต่คืนวันพุธที่ 22 ได้รถแอร์เมืองเลย ตอน 19:50 น.
รีบบึ่งไปหมอชิตกันแบบฉิวเฉียด แต่กว่ารถจะเข้าชานชาลาก็ปาเข้าไป 2 ทุ่มครึ่ง
รถออก 3 ทุ่ม วิ่งเร็วปานพายุบุแคม ถึงผานกเค้าตอนตี 3 เร็วโคตรพ่อโคตรแม่ ไม่ทันจะได้หลับเลย

23 ต.ค.
เช้ามืดก็เดินโต๋เต๋อยู่แถวนั้น รอรถสองแถวเข้าอุทยานตอนตี 5 แม่ค้ายุให้ซื้อถุงเท้ากันทาก โดนไปคนละคู่
ถึงอุทยานก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ขึ้นภูตั้งแต่ 6 โมงเช้า อากาศเย็นสบาย ไม่มีฝน
แบกสัมภาระขึ้นไปเองคนละเกือบ 10 กิโล ตอนแรกต่ายจะใช้บริการลูกหาบ
แต่ผมกับโน่กดดันจนต้องยอมแบกเอง ก่อนขึ้นก็ดูข้อมูลซะหน่อย

40 นาทีต่อมาก็ถึงจุดพักแรก ซำแฮ่ก หอบแฮ่กสมชื่อจริงๆ แวะกินน้ำคนละขวด
แล้วก็ลุยต่อ ทางยังสบายๆ ไม่เละเทะ แต่ก็ชันเอาเรื่อง

ระหว่างทางขึ้นจะมีจุดพักที่มีร้านค้าอยู่ 4 จุด คือซำแฮ่ก ซำกอซาง ซำกกโดน แล้วก็ซำแคร่
มีสัญญาณโทรศัพท์เกือบตลอดเส้นทาง (dtac) ผมก็ tweet รายงานผลไปเรื่อยๆ
มีเพื่อนๆ ให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลา เทคโนโลยีมันดีจริงๆ ขอบคุณ @sugree ที่ทำ jibjib ให้ผมได้ใช้

แวะพักกินน้ำมันทุกจุด ถึงซำสุดท้าย ไม่มีสัญญาณมือถือเลย แม่ค้าบอกว่าซำแคร่มันเป็นแอ่งอับ
เส้นทางช่วงสุดท้ายดูจากแผนที่ก็อีกประมาณ 1.3 กิโลเมตร แต่ชันมาก
ทางก็เละ เพราะฝนเพิ่งตกเมื่อวาน มีไต่บันไดเหล็กเป็นช่วงๆ ตอนปลายก็หลายบันไดหน่อย

9 โมงครึ่งก็ถึงยอดภู คือหลังแป ปวดขาสุดชีวิต กางเกง รองเท้าก็เละเทะ

แล้วก็เดินไปจุดกางเต๊นท์อีก 4 กิโล

ยอดภูกระดึงเป็นที่ราบ เดินสบายๆ ไปเรื่อย ประมาณ 40 นาทีก็ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
ก็ไปจ่ายเงินเช่าเต๊นท์ขนาด 3 คน คืนละ 225 บาท เช่าหมอน แผ่นปูรองพื้น ถุงนอน อีกคนละชุด
คืนละ 60 บาทต่อคน (หมอน 10 บาท แผ่นรองพื้น 20 ถุงนอน 30)

เดินไปเลือกเต๊นท์ เอาตรงโซน H (เค้าแบ่งเป็นโซนๆ พื้นที่กว้างเหมือนสนามฟุตบอลเลย)
เจ้าหน้าที่กางเต๊นท์ไว้เรียบร้อยแล้ว เลือกเอาได้เลยว่าอยากได้เต๊นท์ไหน ก็เหมือนๆ กันหมด
เราเลยเลือกทำเลที่คาดว่าจะมีคนเดินผ่านพลุกพล่านหน่อย เผื่อจะได้มีอะไรๆ ให้ดูแก้เหงาบ้าง 😛

เก็บข้าวของแล้ว ก็เกือบบ่ายโมง เลยไปอาบน้ำ แล้วก็หาอะไรกิน หมอกยังขาวโพลนอยู่เลย
ถ่ายรูปนู่นนิดนี่หน่อยไปตามเรื่องตามราว ยังมีนักท่องเที่ยวทยอยเดินขึ้นมาเรื่อยๆ

อากาศเย็นสบาย มีฝนเป็นช่วงๆ แต่ไม่หนักมาก ที่รำคาญหน่อยก็คือต้องคอยระวังทาก
กลัวว่าถ้าเข้ามาในเต๊นท์แล้วนอนๆ อยู่เกิดมาเกาะ มาไช เข้าหัวเข้าหู จะสยอง
ตอนเช้าเห็นน้องนักศึกษาคนนึง ทักกันเรื่องทากแล้วเปิดหัวให้ดู ยังมีคราบเลือดอยู่เลย – -”

บนภูเค้าไม่ให้ก่อไฟ แต่เอาเตาแก๊สมาทำอาหารได้ ส่วนพวกผมก็ฝากท้องกับร้านอาหารอย่างเดียว

ข้าวตามสั่งจานละ 45 บาท ไม่ขูดรีดมาก ปกติกินข้างบ้านที่กรุงเทพ ก็ 35-40 บาทอยู่แล้ว
กินเสร็จ ก็ถ่ายรูปแถวๆ ร้าน

ตกกลางคืน ก็กรึ๊บกันพอเป็นกระสายแก้หนาว โน่อุตส่าห์แบกแบล็คเลเบิ้ลขนาด 1 ลิตรมาด้วย
มีประโยชน์มาก เพราะนั่งๆ กันอยู่ โน่ก็บ่นคันหลัง เอื้อมมือไปจับแล้วบอกว่ารู้สึกหยุ่นๆ
เลยเลิกเสื้อ เห็นทากเกาะอยู่กลางหลัง เลยดึงออกมา เวลาดึงทากนี่ต้องดึงตรงๆ
เพราะถ้ามันฝังขากรรไกรดูดเลือดไปแล้ว แผลจะได้ไม่ใหญ่มาก จับด้านใกล้ปากมัน
ออกแรงนิดนึง เทเหล้าใส่ภาชนะเล็กน้อย แล้วก็เอาทากใส่ลงไป เดี๋ยวมันก็เมา นอนเหยียดยาวแน่นิ่ง
ไม่มากวนใจอีกต่อไป แต่จริงๆ ถ้าไม่รำคาญก็ปล่อยให้มันดูดจนอิ่ม เดี๋ยวมันก็สลัดตัวออกไปเอง
(ควรใช้กรณีที่เดินป่าอยู่ กรณีเข้านอนแบบนี้ไม่แนะนำ ดึงออกแหละดีแล้ว)

คืนนี้หลับเร็ว เพราะเพลีย คิดว่าไม่เกิน 4 ทุ่มก็สลบกันหมด

ลิงก์ –
ภูกระดึง day 2

ทีมล่าอสรพิษ

วันอาทิตย์ไปบริจาคเลือดที่สภากาชาด อังรีดูนังต์
เป็นประกาศแล้วชอบใจ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์
ทีมล่าอสรพิษ
แต่ไม่รู้ข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ยังใช้ได้อยู่รึเปล่า กระดาษเก่าเชียว
ยังไม่เจองู ไม่กล้าโทรเช็ค (-_-“)