Blog Logo from @Mameou

รู้สึกละอายใจมากที่ออกปากไว้ใน twitter ให้น้องมะเหมี่ยวช่วยทำโลโก้เว็บให้
พอได้รับมา (ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว 23 พ.ค.) ก็เอามาใช้
แก้ css นิดนึงให้เข้าที่ แล้วก็ตั้งท่าจะเขียนขอบคุณ
อยู่ที่ทำงานโดนบล็อคเว็บก็พิมพ์ใส่ text editor ไว้ กะว่ากลางคืนจะมาแปะขึ้นเว็บ
ก็ไม่ได้ทำซักที สุดท้ายก็ต้องมาเขียนใหม่หมดอย่างนี้นี่แหละ
(แก้ตัวผ่านมั้ยครับ) – -”

โลโก้ที่เห็นอยู่หัวบล็อกนี่แหละครับ ฝีมือมะเหมี่ยวเค้าล่ะ (อ่านรายละเอียดได้ที่ Blog Logo for Rerngrit.com)
เป็นจักรยานรวมร่างกับโลโก้ Java (ดูรูปเทียบกันข้างล่าง) ที่เห็นปุ๊บก็ถูกใจมาก รีบติดเลย
ต้องขอบคุณมะเหมี่ยวมากนะครับ

java logo java_bicycle logo

ที่จริงก็เคยคุ้ยๆ เว็บของ Sun ดูหลายหนแล้ว เพราะเคยผ่านตาว่าเหมือนจะมีอะไรที่เกี่ยวกับจักรยานอยู่ในนั้น
พอได้โลโก้แบบนี้มา เลยเข้าไปลุยหาดูอีกที ก็เจอหลายๆ รูปครับ อันนี้เหมือนชีวิตเมื่อตอนก่อนจะย้ายงาน
สมัยที่ยังปั่นไปทำงานได้ทุกวัน ทำอยู่ได้ราวๆ 2 ปี (ที่ทำงานใหม่ไม่สะดวกที่จะปั่นไปแล้ว)

my bicycling style

ส่วนอันนี้เป็นเสือหมอบ RoadBike เห็นแล้วนึกถึงพี่ป๊อก ที่เพิ่งถอยรถป้ายแดงออกมาซะด้วย
อิจฉา พี่เค้ายังปั่นไปส่งลูกเข้าโรงเรียน กับปั่นไปทำงานได้อยู่ทุกวัน

pphetra bicycling style



สุดท้าย เป็นรูปที่ใกล้เคียงกับแนวการปั่นตอนนี้ เสือภูเขา MountainBike DirtJump
แต่ทำไม่ได้ขนาดนี้หรอกนะ กำลังหัดโดดข้ามกล่อง..เอ่อ..แบรนด์(ซุปไก่) อยู่น่ะ ^^

my bicycling style

เห็นมั้ย ว่าโลโก้นี้เนี่ยมันเข้ากั๊น เข้ากันกับ lifestyle เจ้าของ blog ขนาดไหน(ว่ะฮ่ะฮ่าๆๆๆ โม้มาก)
เว็บของ Sun นี่ก็มีรูป extreme เยอะเหมือนกันนะ ว่าจะหารูปปีนเขามาฝาก roofimon ซะหน่อย
พอดีง่วงซะก่อน ไว้คราวหน้าละกัน

เท่าที่รู้ นอกจากโลโก้นี้แล้ว มะเหมี่ยวยังทำโลโก้/แบนเนอร์ให้ที่ foosci.com กับ iamthan.com ด้วย
ก็เพื่อนๆ กันในทวิตเตอร์นี่ล่ะ

ขอบคุณอีกครั้งนะครับ คนอะไร น่ารักแล้วยังใจดีอีก…เนอะ
(อ่านบล็อกมะเหมี่ยวแล้ว ทำให้อยากเห็นว่า ถ้าเป็นแบนเนอร์มันจะหน้าตาเป็นยังไงน้อ…
อ้อ แล้วโหลดไฟล์ได้รึเปล่า ไม่เห็นบอกเลย)

ปล.ชาว majorbike ยังต้อนรับนักปั่นและนัก”อยาก”ปั่น เข้าสู่วงการ เพื่อลดปัญหาน้ำมันแพงอยู่นะครับ
แวะเวียนมาปั่นกับเราได้ ทุกคืนวันศุกร์ที่ฝนไม่ตก ยัังไม่มี “รถถีบ” เหรอ ไม่ใช่ปัญหา
เรายังมีรถว่างให้ยืมปั่นเล่นด้วยกันได้คันสองคัน แล้วจะติดใจเหมือน “หนุ่มกลับใจ” บางคนแถวนี้

Thailand Bouldering Competition 2008

หนุ่มใหญ่ใจเด็กสุดแนว roofimon แจ้งไว้ว่า 17-18 พ.ค.มีแข่งปีนผาเทียมที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์
เลยไปดูซะหน่อย เห็นว่าจะร่วมลงแข่งด้วย ก็อยากไปเชียร์ไปชม ด้วยนิยมและเป็นคนกันเอง
ปรากฏว่าผมไปถึงสี่โมงเย็น มัวแต่โอ้เอ้ เดินหาของกิน กับซื้อหนังอยู่แถวเจริญกรุง
มาถามไถ่กันทีหลัง ถึงรู้ว่าพ่อลูกอ่อนของเราหนีกลับไปแล้วตั้งแต่บ่ายสาม
เลยได้อยู่รอดูรุ่นทั่วไปชาย ที่เห็นว่ามีทั้งทีมชาติไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ฝรั่งเศสมากันให้เพียบ
ปีนี้ผู้จัดบอกว่านักแข่งเยอะมาก ปีแรกๆ แค่สิบกว่าคน ปีนี้ปาเข้าไปร่วมเจ็ดสิบคนได้

ตอนไปถึงทันได้ดูรุ่นน้องๆ นิดหน่อย แค่เห็นเด็กทั้งชายหญิงปีนกันคล่องแคล่วก็ทึ่งแล้ว
พอถึงรุ่นทั่วไปชาย ของจริง แต่ละคน อ้าปากค้างเลยเรา เค้าปีนกันมือเปล่าๆ เนี่ยแหละ
นี่มันงานรวมมนุษย์แมงมุมชัดๆ

การแข่งมีผาให้ 4 wall แบ่งเป็น 12 route แต่ละ route ก็มีคะแนนต่างกันไป
เริ่มปีนตั้งแต่สี่โมงครึ่ง แข่งกัน 2:30 ชั่วโมง เป็นแบบคัดตัว ให้เหลือ 16 คน (ประมาณนี้แหละ ไม่แน่ใจ)
แล้วมีรอบชิงชนะเลิศอีกครั้งในวันอาทิตย์ ผมไปแค่วันเสาร์วันเดียว
กะจะไปเก็บภาพหล่อๆ ให้ roofimon แต่ไม่เจอกัน ก็ไม่เป็นไร
เอาบรรยากาศมาฝากแทนก็แล้วกันครับ
P5176254P5176257
นับถอยหลัง 2 ชม.ครึ่ง แล้วก็เริ่มปีนกันแล้ว โอ้ววว…

P5176261P5176273
หนุ่มโมฮอว์ค กับพี่เสื้อกล้ามแขนเป็นมัดเลย อูยยย…

P5176276P5176288
บรรยากาศรอบๆ และเหล่ากองเชียร์

รูปทั้งหมดดูได้ที่ flickr
พ่อลูกอ่อนของเราก็เก็บภาพมาด้วยเหมือนกัน ตามไปดูได้ TBC 2008 by roofimon
ดูแล้วก็เกิดกิเลส ว่าจะชวนกันมาทำผาเทียมติดผนังกับใต้บันไดบ้านไว้ซ้อมเล่นกันซะหน่อยท่าจะดี

My Desk (again)

อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาคนนึงแจ้งข่าวว่าโฮมโปร รัชดาฯ
มีรายการลดราคาเฟอร์นิเจอร์ เลยพุ่งไปดูซะหน่อย
อยากได้โต๊ะทำงานแบบ @kengggg (ไปเห็นมาตอน house 2.0)

เลยได้มาสมใจด้วยราคาพันหก ให้เค้าถอดมาเป็นชิ้นๆ เหลือแค่ไม้ 4 แผ่น
จะได้ไม่ต้องเสียค่าส่งอีกหลายร้อย
กลับบ้าน จัดการประกอบอย่างรวดเร็ว รู้สึกห้องกว้างขึ้นอีก 26%
ดีจริงๆ ค่อยดูเป็นโต๊ะใช้งานหน่อย ไม่เหมือนอันที่แล้ว โล่งซะคนไม่เชื่อเลย
(คลิกที่ภาพเพื่อดูโน้ตใน flickr ได้ครับ)
my desk @ my room

เล่าเรื่องผีหลอก

อ่านบทความพิเศษ “เล่าเรื่องผีหลอก” เขียนโดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล
จาก Bioscope ฉบับที่ 78 เดือนพฤษภาคม 2551 แล้ว ทนไม่ได้จริงๆ
อยากจะมาประกาศให้ไปหาซื้อมาอ่านกันเยอะๆ (หน้าปก Indiana Jones)

สำหรับคนที่ไม่ทราบมาก่อน ย่อๆ ก็คือ ‘แสงศตวรรษ’ หรือ Syndromes and a Century
คือหนังที่ไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์
เมื่อวันที่ 2 เมษายน และ 10 เมษายน พ.ศ. 2550 โดยมีเงื่อนไขให้ตัดฉากสำคัญออกไป 4 ฉาก
(ภายหลังจากอุทธรณ์แล้วเพิ่มเป็น 6 ฉาก) คือ

  1. ฉากพระเล่นกีตาร์
  2. ฉากพระเล่นเครื่องร่อน
  3. ฉากหมอกอดจูบกับแฟนสาวแล้วเป้าตุง
  4. ฉากหมอดื่มเหล้าในโรงพยาบาล
  5. ฉากที่เห็น พระบรมรูปสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (ใหม่)
  6. ฉากที่ปรากฏให้เห็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับคู่กับสมเด็จย่า (ใหม่)

ซึ่งทางคณะกรรมการชี้ว่ามีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรศาสนาและองค์กรทางการแพทย์
ถ้าตัดออกตามนี้แล้วจึงจะอนุญาตให้ฉายได้ ซึ่งอภิชาติพงศ์ ได้ตัดสินใจที่ไม่ฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในประเทศไทย
(ข้อมูลโดยละเอียดแนะนำให้อ่านที่ วิกิพีเดียและลิงก์อ้างอิงอื่นๆ ในวิกิพีเดียเช่นกัน)

ขอเลือกที่จะยกมาให้อ่านบางส่วนก็แล้วกันครับ

พวกเราสองคนออกมาจากห้องแล้วพยายามจดและทบทวนคำพูดหลอนประสาทต่างๆ ของพวกเขา
(ผู้เขียนขอบอก ณ ที่นี้ว่า นี่ไม่ใช่การยกคำพูดของพวกท่านผู้มีเกียรติเหล่านี้มาอย่างทุกถ้อยคำ) ดังนี้

ผู้แทนเลขาธิการแพทยสภา :

  • ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำความเสื่อมเสียให้วงการแพทย์ไทยเพราะมีฉากแพทย์จิบสุราในเวลางาน (แพทย์หญิงสูงวัยเกิดการประหม่าเนื่องจากจะต้องออกโทรทัศน์ จึงจิบสุรา – ผู้กำกับ)
  • ทำไมผู้สร้างไม่ทำหนังที่พูดถึงด้านดีๆ ของหมอออกมา แสดงว่าไม่รู้ ไม่ศึกษาจริยธรรมของแพทย์
  • แปลกใจที่ทราบว่าผู้สร้างมีพ่อแม่เป็นหมอ
  • ทำไมไม่ทำฉากที่นักศึกษาแพทย์หลังเลิกงานแล้วเล่นกีฬากัน แล้วอาจจะมีจิบๆ เหล้าบ้างก็น่าจะได้
  • คุณรู้จักวงการแพทย์ดีพอแค่ไหนที่จะทำหนังเรื่องนี้
  • ถ้าปล่อยฉากเหล่านี้ออกไป แล้วมีคนร้องเรียนมา ดิฉันก็จะต้องทำงานไม่จบไม่สิ้น (นี่แสดงว่าขี้เกียจทำงานหรือเปล่า ความจริงแล้วถ้าเขาร้องเรียนมา เขาก็ฟ้องที่ผู้สร้างทางกฎหมาย คุณไม่ต้องมารับผิดชอบ)

นักวิชาการด้านภาพยนตร์

  • ไม่น่าจะได้ฉายให้คนนอกดู ทำหนังไม่เป็น

จากฝ่ายที่ผู้สร้างจำไม่ได้ว่าใครเป็นคนกล่าว

  • ไม่ควรเสนอภาพพจน์ที่ไม่ดีของสังคมไทยเช่นนี้ต่อชาวต่างชาติ
  • ทำไมไม่วางมุมกล้องอย่างนี้ๆ ถ้าเป็นผม ผมจะตัดอีกแบบหนึ่ง ไม่ใช่อะไรอย่างนี้
  • พระเล่นกีตาร์ผมพออนุโลมได้ เพราะคนดูอาจคิดได้ว่าเป็นพระลาว แต่พอเอารูปปั้นของพระบิดากับสมเด็จย่ามาแสดง ทำให้เขารู้กันว่าเป็นหมอไทย อย่างนี้ไม่ได้ จะทำให้รู้ว่าเป็นประเทศไทย ขอให้ตัดออก (รู้สึกขนลุกเมื่อได้ยินความคิดเห็นเหยียดชาติพันธุ์นี้ และเกี่ยวกับพระรูปในความตั้งใจ คือการยกย่องบิดามารดาของตนเอง – ผู้กำกับ)
  • หมอกินเหล้าได้ แต่การนำเสนอในภาพยนตร์เรื่องนี้ทำออกมาไม่มีศิลปะเพียงพอ
  • ทำไมต้องมีฉากอวัยวะเพศแข็งตัวในร่มผ้า มันน่าเกลียด แค่จูบกันก็มากพอแล้ว แล้วยังเอามือไปจับๆ (ถึงตอนนี้ผู้สร้างอธิบายว่าเป็นความเขินอายที่ตัวละครพยายาม ซุกซ่อนอวัยวะของเขา ไม่ได้ปลุกมันขึ้นมา และมีหนังเรื่องอื่นที่มีฉากแบบนี้เคยฉายมาแล้วโดยตั้งใจลามกอย่างที่ท่านว่าด้วยซ้ำ) ตำรวจ: ผมมองว่ามันเป็นการจับโชว์ผู้หญิง และเหมือนปลุกอารมณ์มากกว่า ควรตัดออกเสีย
  • จริงๆ แล้วผมไม่ขัดข้องเลย เพราะเคยให้ภาพยนตร์เรื่องอื่นที่รุนแรงมากกว่านี้ผ่านออกมาแล้ว
  • ทำไมไม่ทำหนังที่ให้อะไรดีๆ กับสังคม

คุณเจ้ยบอกว่า
“บทความนี้สร้างขึ้นมาจากจินตนาการของผู้เขียนเอง
หลายพฤติกรรมของตัวละครอาจจะไม่เหมาะสม ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน”

ผมเข้าใจแจ่มแจ้งเลยที่เค้าบอกว่า หลังจากออกมาจากห้องพิจารณากับคณะกรรมการฯ
ทั้ง 10 คนที่เป็นตัวแทนจากต่างสาขาอาชีพ แล้วบอกว่า
“มีความรู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ในห้องสืบสวนราวๆ หนึ่งชั่วโมง และเดินออกมาเหมือนถูกดูดวิญญาณออกไปหมด”

อย่าลืมครับ ไบโอสโคป ฉบับที่ 78 เดือนพฤษภาคม 2551 หน้าปก Indiana Jones
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง:
แสงศตวรรษ (วิกิพีเดีย)
รายงานความเคลื่อนไหว แสงศตวรรษ (ThaiCinema.org)
‘แสงศตวรรษ’ หนังดีที่เมืองไทยไม่ต้องการ (ประชาไท)