แป๊บๆ ก็ผ่านไปอีกปีนึงแล้ว เหมือนปีที่แล้วเพิ่งประกาศไปหยกๆ
ปีนี้ยังดีหน่อยที่ได้ดูหนังที่เข้าชิงไปแล้วหลายเรื่องเหมือนกัน
ปีนี้ก็เป็นปีที่ 79 แล้ว ธีมของงานตามรูปโปสเตอร์ที่ใช้โปรโมทคือใช้คำพูดเจ๋งๆ
จากหนังหลายๆ เรื่อง มารวมๆ ต่อๆ กัน…สวยดี
เหมือนเดิมนะครับ มาไล่กันไปตามลำดับ
สมทบชายยอดเยี่ยม: อลัน อาร์กิ้น จาก Littel Miss Sunshine
-หนังเล็กๆ ที่มาแรงมากในทุกๆ เวที ถึงตรงนี้ก็ยังแรงไม่เลิก ชักสนุกแล้วครับ
บ้านเราก็มีคนตั้งตารอดูกันเยอะอยู่เหมือนกัน สาขานี้ผมได้ดูไปแค่ 3 เรื่อง
ในบรรดาผู้เข้าชิงนี่ชอบ จิมอน ฮอนซู จาก Blood Diamond ที่สุด
ส่วนมาร์ก วาห์ลเบิร์ก จาก The Departed ก็มีคนพูดถึงกันเยอะ แต่ผมเฉยๆ แฮะ
เทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม: Pirates of the Caribbean: Dead Man’s Chest
-รางวัลเดียวที่กัปตันแจ็คได้ไปในงานนี้ เทียบกับคู่แข่งอย่าง Poseidon กับ Superman Returns
ก็ถือว่าสมควรแล้ว หนวดปลาหมึกหนุบหนับของเดวี่ โจนส์กับเรือฟลายอิ้งดัชต์แมน เจ๋งออกซะขนาดนั้น
อนิเมชั่นยอดเยี่ยม: Happy Feet
-แอบเชียร์ Cars มากกว่านิดนึง แต่แบ่งรางวัลให้คนอื่นเค้าบ้างก็ดีนะ
เดี๋ยวเค้าจะว่าเอาได้ว่า Pixar ทำอะไรก็กวาดรางวัลไปหมด
แถมนกเพนกวินมันก็น่ารักกว่ารถยนต์มากซะด้วย
ส่วน Moster House ภาพคงยังไม่สวยพอที่จะสู้เค้าได้
แถมเนื้อเรื่องมันยังแรงเกินเด็กไปนิดส์
ออกแบบเสื้อผ้า: Marie Antoinette
-ได้ข่าวว่าโดนคนดูโห่ไล่ ตอนฉายที่คานส์ แต่เรื่องเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายต้องยกให้เค้าจริงๆ
หนังฟอร์มตกของโซเฟีย คอปโปล่า หลังจากทำ Lost in Translation จนดังไปไม่น้อย
โปสเตอร์หนังที่เห็นหน้าน้องเคียร์สเท็น ดันส์ในบทพระนางมารี อังตัวเน็ตต์ก็น่ารักดี
คำสาปดอก…เอ่อ…เบญจมาศ ของจางอี้โหมวที่ผมแอบเชียร์ก็เป็นอันว่าแพ้ไป
แต่งหน้า (เมคอัพ) ยอดเยี่ยม: Pan’s Labyrinth
-รอดูอยู่เช่นกัน กับหนังมหัศจรรย์เขาวงกตแฟนตาซี
ผลงานใหม่ของพี่เกียลเลอโม เดล เทอโร่ หลังจาก Hellboy
ผมรอดู Hellboy 2 : The Golden Army อยู่ด้วยนะครับพี่
สมทบหญิงยอดเยี่ยม: เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน จาก Dreamgirls
-ผมดู Dreamgirls แล้วไม่ค่อยปลื้มมาก สาขานี้จึงเชียร์น้องรินโกะ คิคุจิ จาก Babel เต็มที่
ไม่ใช่เพราะ “ฉากนั้น” หรอกนะ น้องเค้าเล่นเป็นคนใบ้หูหนวกได้ดีจริงๆ…จริงจริ๊ง…
เป็นอันว่าเซ็งไปอีกหนึ่งสาขาครับ
สารคดียอดเยี่ยม: An Inconvenient Truth
-เรื่องอื่นที่เข้าชิงด้วยกันไม่เคยดูเลย แต่เรื่องนี้ก็สมแล้ว เพราะทำให้ผมกับเพื่อนหันมา
ปั่นจักรยานไปทำงานได้ทุกวันตั้งแต่ออกจากโรงหนังคืนนั้น
กำกับศิลป์: Pan’s Labyrinth
-บอกตามตรงว่าสาขานี้ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าตัดสินกันที่อะไรบ้าง
ดูจากรายชื่อผู้เข้าชิงแล้วก็สูสีกันหมด ทั้งกัปตันแจ็ค กับหนังนักมายากล The Prestige
ดนตรีประกอบภาพยนตร์: Babel โดย กุสตาโว ซานโตลัลญา
-ให้ตายเถอะ สกอร์มันคงเนียนกลมกลืนกับเนื้อเรื่องมากจนผมไม่รู้สึกว่ามันมีเลยนะเนี่ย
เหมือนตอนดู Blood Diamond ที่แทบไม่ได้ยินเสียงดนตรีตื่นเต้นตอนฉากสงครามกลางเมือง
ผสมเสียง: Dreamgirls
-ผสมกันยังไงเนี่ย ทำเอาผมเหนื่อยหูมาก นักแสดงในเรื่องโก่งคอเปล่งพลังเสียงกันซะขนาดนั้น
รอดออกมาจากโรงได้ก็ถือว่าโอเค ผมเป็นประเภทที่ชอบแบบ Chicago มากกว่าจริงๆ
เพลงประกอบยอดเยี่ยม: I Need to Wake Up โดย เมลิสซา เอเธอร์ริจ
จาก An Inconvenient Truth
-แอบสะใจเล็กๆ ที่เพลงจาก Dreamgirls เข้าชิงตั้ง 3 เพลง แต่แพ้หมดเลย กร๊าก….
ส่วนเพลง Our Town ของแรนดี้ นิวแมน จาก Cars คนนี้เข้าชิงทุกปี
แต่ปีนี้ก็เหมือนส่วนใหญ่ที่ผ่านมา คือ ชวด
ตัดต่อเสียง: Letters From Iwo Jima
-ปู่คลินต์คงไม่เสียใจแล้ว ที่ Flag of Our Fathers เงียบสนิท แต่หนังที่ถ่ายคู่กัน
พร้อมเล่าเหตุการณ์คนละด้านเรื่องนี้ กวาดคำชมและรางวัลมาแทน
ภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม: The Lives of Others จากเยอรมัน
-เห็นมีโปรแกรมฉายอยู่ที่ลิโด้ แต่มีแค่วันละรอบเดียว ต้องหาเวลาไปดูซะหน่อยแล้ว
ส่วน Pan’s Labyrinth ก็เข้าชิงสาขานี้ด้วย
ตัดต่อยอดเยี่ยม:The Departed
-รู้สึกว่าไม่น่าจะเหนือกว่า Babel, Blood Diamond หรือแม้แต่ United 93 เลย
แต่ก็ชนะไปแล้วจนได้ สาขานี้เหลือแค่ Children of Men ที่สงสัยคงจะได้รอดูแผ่น
ดารานำชายยอดเยี่ยม: ฟอเรสต์ วิทเทเกอร์ จาก The Last King of Scotland
-น้องที่รู้จักเชียร์ วิล สมิธ จาก The Pursuit of Happyness
ผมเชียร์ลีโอ จาก Blood Diamond เลยพากันแห้วทั้งคู่
แตได้่เห็นหนังตัวอย่าง Venus ของปีเตอร์ โอทูลแล้ว เป็นอีกเรื่องที่ไม่น่าพลาดจริงๆ
ส่วนหนังที่ชนะนี่น่ะเหรอ ไว้ถ้านึกอยากรู้ประวัติของจอมเผด็จการอีดี้ อาร์มินค่อยคิดอีกที
ทุกวันนี้ยังไม่กล้าดู Hotel Rwanda เลย
ถ่ายภาพยอดเยี่ยม: Pan’s Labyrinth
-หนังเค้าคงดีจริง ถึงชนะ The Prestige ไปได้
ดารานำหญิงยอดเยี่ยม: เฮเลน มิเรน จาก The Queen
-ต้องยอมเค้าจริงๆ ครับ เพิ่งดูมาเมื่อคืนวันเสาร์นี่เอง
เคท วินสเลท (Little Children) กับ ป้าเมอรีล สตรีพ (The Devil wears Prada)
ก็เป็นอันว่ารอปีต่อๆ ไปแทนก็แล้วกัน
บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม: The Departed โดย วิลเลียม โมนาแฮน
-ผู้ประกาศรางวัลบอกว่าเป็นบทดัดแปลงจากหนังญี่ปุ่น…
แอนดรู เลา กับ อลัน แม็ก คงเซ็ง ที่ Infernal Affairs “สองคน สองคม” ของเค้า
เปลี่ยนสัญชาติกลางเวทีซะงั้น แต่แบบนี้เราคงได้ดูเป็นไตรภาคเหมือนต้นฉบับแน่นอน
บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม: Little Miss Sunshine โดย ไมเคิล อาร์ท
-ตอกย้ำความน่าดูให้กับหนังเรื่องนี้เข้าไปอีก
ผู้กำกับยอดเยี่ยม: มาร์ติน สกอเซซี่ จาก The Departed
-หลังจากได้แค่เข้าชิงมาตลอด ถ้านับเฉพาะสาขานี้ก็ 6 ครั้งเข้าไปแล้ว
ในที่สุดปู่มาร์ตี้ก็สมหวังกับเค้าซะที ปู่แกคงมีแรงทำหนังดีๆ ให้เราดูต่อไปอีกนาน
ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: The Departed
-พูดไม่ออกเลย คงเพราะดูนานแล้วจนลืมว่าประทับใจแค่ไหน คือมันไม่ถึงกับแย่
แต่มันก็ไม่ได้ชอบมาก ต้นฉบับฮ่องกงมันทำดีเกินไปจนทำใจเป็นกลางได้ยากจริงๆ
เรื่องที่เข้าชิงอื่นๆ อย่าง Babel กับ The Queen ก็ดูแล้ว
รอก็แต่ Letter From Iwo Jima กับ Little Miss Sunshine เข้าเมื่อไหร่จะได้พิสูจน์ซะที
สรุปว่า The Departed คว้าไปมากสุด 4 รางวัล
Pan’s Labyrinth 3 รางวัล
Little Miss Sunshine 2 รางวัล
An Inconvenient Truth 2 รางวัล
Dreamgirls 2 รางวัล
นอกนั้นก็แบ่งกันไปเรื่องละรางวัล หลังๆ มานี้รางวัลกระจายกันดีเหมือนกัน
ก็เหมือนทุกปี ที่ต้องรอดูเทปบันทึกภาพบรรยากาศงานอีกตามเคย
อิจฉาคนมียูบีซีเนอะ ไม่ใช่สิ เดี๋ยวนี้ต้องเป็น “True Vision” แล้ว…^_^
มีคนแซวว่าติดเคเบิ้ลอย่างเดียวก็ไม่พอ ต้องไม่มีเวลาดูมันด้วย…ขอบอกว่าถูก!
ที่มา – Oscar.com
ไปดูรูปสวยๆ (โดยเฉพาะนิโคล คิดแมน) ได้ที่เวบเค้าเลยครับ