หลังจาก Chevrolet ที่ใช้ปฏิบัติการคราวที่แล้วปลดประจำการไป
คือตัดใจขายไปแบบเสียดายเล็กๆ เพราะมันหาโช้คหน้ามาเปลี่ยนยาก
เนื่องจากคอรถเป็นคอนิ้ว ไม่ใช่แบบโอเวอร์ไซส์แบบทั่วไป
แม้องศาเฟรมมันจะเหมาะมากก็ตาม ตอนนี้ได้ K2 มาเป็นพาหนะใหม่
ใช้ไปทำงานมาแทนได้เกือบเดือนนึงแล้ว แต่ก็แอบไปสอย Chevrolet
คันใหม่มาไว้แล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้เอาไปไหนไกลๆ รอไว้ดัดแปลงอีกหน่อย
ปกติทุกคืนวันศุกร์ ผมกับโน่จะปั่นไปเล่นที่ ม.เกษตรกันเป็นประจำ
ที่หน้าตึกวิศวกรรมศาสตร์ (ที่มีโมเดลเครื่องบินจอดอยู่นั่นแหละ)
โดยมีเบิ้ม ผู้ดูแล ThTrials.com เวบประจำกลุ่มของพวกเราเป็นเจ้าภาพ
เนื่องจากทำงานอยู่ที่นั่นในคณะมนุษย์ฯ
หลังจากที่ว่างเว้นไปหลายสัปดาห์ เพราะติดภาะกิจอื่น คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
เลยได้มารวมพลกันอีกครั้ง หลังจากฝ่างานเกษตรแฟร์เข้าไปอย่างไม่ค่อยลำบากเท่าไหร่
เนื่องจากยังเป็นงานวันแรก คนยังไม่หนาแน่นมากนัก ไปถึงพี่ผึ้งก็กำลังคุยนัดแนะกับแบงค์
กลายเป็นว่าคืนนั้นแบงค์จะไม่มา (สงสัยเข็ดที่เคยโดนลากไปท่าน้ำนนท์)
พี่ผึ้งหันมาถามว่าสนใจจะไปเล่น Street Dirt กันมั้ย ผมลังเลนึิดนึงเพราะเพิ่งมาถึีงเหนื่อยๆ
แถมประสบการณ์ที่เคยปั่นเกาะกลุ่มกับพวก Dirt พบว่าพวกนี้ปั่นกันไม่เร็วก็จริง
แต่ลัดเลาะ ขึ้นลงฟุตบาท หรือข้ามอุปสรรคกันเร็วมาก ในขณะที่ผม ถ้าอุปสรรคสูงเกิน 1 ฟุุต
ต้องยกรถข้ามสถานเดียว แต่คิดแล้วก็น่าสนุกถ้าได้ปั่นร่วมกับกลุ่มที่เก่งๆ จะได้ประสบกาณ์ใหม่ๆ ด้วย
สรุปเราเลยตัดสินใจไปสมทบกับกลุ่มของแบงค์ที่บ้านไกด์ย่านพระราม 4
เหล่าเสือภูเขาทั้ง 5 คัน อันประกอบด้วย
พี่ผึ้ง Scott รถสุดไฮโซ เบิ้ม Jamis เปา Trek4300
โน่ Planet X และ K2 ของผม ก็ลัดเลาะจาก ม.เกษตรไปตามพหลโยธิน
ตัดเข้ารัขดาภิเษก ผ่านรัชดาซอย 4 ที่คึกคักตั้งแต่หัวค่ำ
ขึ้นสะพานข้ามคลองแสนแสบอันสุดชันที่อโศก แถมมีทรายทำให้ล้อฟรีด้วย วกเข้าพระราม 4
ที่แยกศูนย์ประชุมสิริกิติ์ แล้วก็เข้าไปในซอยข้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินคลองเตย
ก็เจอกับกลุ่มที่รออยู่ก่อนแล้ว
คืนนี้เลยกลายเป็นการรวมกลุ่มไตรภาคี ระหว่าง ThTrials, Bangkok FreeRide
และ MaxRider จาก 5 คัน กลายเป็น 18 คัน
เนื่องจาก Disc Break รถผมมีปัญหานิดหน่อย
เลยได้อาจารย์เตี้ย กับ แบงค์ ช่วยกันปรับแก้ไขจนเรียบร้อย เราก็พร้อมจะออกเดินทาง
จากที่เคยรวมพลครั้งก่อนที่สวนลุมฯ ทำให้ประทับใจกับเด็กหนุ่มนักกีฬาทีมชาติ
แบงค์กับบอย ไปก่อนหน้า คราวนี้ได้เจอกับ อาจารย์เตี้ย ที่ดูหน้าแล้วเดาอายุไม่ถูก
แต่ผมขอเรียก “อาจารย์” อย่างเต็มใจ กับฝีไม้ลายมือที่พี่ผึ้งบอกว่าโดดได้ถึงยอดไม้ที่สวนรถไฟ
ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องเกินจริง กับลีลาดริฟท์, โดด อย่างสวยงามและปลอดภัย
ส่วนคนอื่นๆ ก็ล้วนแต่ไม่ธรรมดา ส่วนมากกลุ่มนี้จะใช้รถ Dirt Jump สวยๆ กันทั้งนั้น
มีทั้งแบบ Full Suspension และ Hard Tail ส่วนกลุ่มเราก็จะเป็นแนว Trials
มีแต่ K2 ของผมคันเดียวที่แม้จะเป็น Full Suspension เหมือนกัน
แต่มันเป็นรถสำหรับปั่น Cross Country งานนี้เจอคนใช้โช้คหน้า Rock Shox Judy Race
รุ่นเดียวกับเราซะด้วย
เมื่อพร้อมกันแล้ว ทั้ง 18 คันก็ออกเดินทางจากบ้านไกด์ที่พระราม 4
เลี้ยวขวาเลียบทางด่วนไปตาม ถ.ดวงพิทักษ์ เข้าสุขุมวิท ไปสยามแสควร์
คืนนั้นถ้าใครเห็นรถจักรยานกลุ่มใหญ่ปั่นกันตอนดึกๆ ก็นั่นแหละ
ตอนแรกแอบคิดว่าจะโดนมองว่าเป็นแก๊งค์กวนเมืองรึเปล่า แต่เด็กกลุ่มนี้ก็น่ารักพอที่จะพูดขอทาง
ขอบคุณ ขอโทษ กันจนทำให้คลายกังวลไปได้ แถมพวกเราก็ไม่เสียงดังเหมือนมอเตอร์ไซค์
หรือไปพ่นสเปรย์ ทำลายทรัพย์สินให้เป็นข่าวด้วย
เข้าไปวนเล่นในสยามกัน 2-3 รอบ ก็ออกไปหน้ามาบุญครองแล้วเข้าพระราม 1
ข้ามสะพานยศเส เลี้ยวขวาไปโบ๊เบ๊ เข้าหลานหลวง แล้วแวะพักที่ปั๊มน้ำมันหลังอาคารการบินไทย
ดื่มน้ำล้างหน้าล้างตากันนิดหน่อย ก็ออกเดินทางต่อ เจอกับอีกกลุ่มนึงที่แยกผ่านฟ้า
ก็โบกไม้โบกมือทักทายกันสนุกสนาน แล้วก็ไปต่อทางราชดำเนินกลาง แวะเข้าถนนข้าวสาร
ที่คับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยว ทั้งไทยและเทศ แต่ก็พอจะค่อยๆ เคลื่อนไปช้าๆ ได้
ช่วงนี้มีเสียงสวยๆ ทักว่า “เหนื่อยมั้ยคะ” ทำให้รู้สึกเหมือนจะมีแรงปั่นต่อได้ทั้งคืน
ทะลุจากข้าวสารก็เข้าสนามหลวง เจอสาวมะขามรุ่นใหม่ๆ ที่ทำให้ต้องลบภาพว่าจะมีแต่ป้าๆ
สาวแก่ สาวใหญ่ ทุกวันนี้สนามหลวงมีแต่สาววัยรุ่นหน้าตาดี แต่งตัวเซ็กซี่มาเดินเล่นแทนแล้ว
ไม่ว่าสังคมไหนก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยจริงๆ แฮะ
แต่ที่สวนสราญรมย์ก็ยังเป็นแหล่งของเด็กหนุ่มหล่อล่ำหน้าตาดีเหมือนเดิม
ถือว่าเป็น Unseen in Bangkok ไปก็แล้วกัน มีเสียงร่ำลือว่าจะนับรวมหาบส้มตำย่านหัวลำโพง
ด้วยก็ได้ 😛
จากเจริญกรุงเราก็เลี้ยวเข้า ถ.ตรีเพชร ไปสะพานพุทธฯ ได้ลองปั่นลงบันไดข้างพระบรมรูป ร.1
แล้วก็หยุดพักที่ลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์นั่นเอง ตรงนี้มีเด็กเล่นสเก็ตบอร์ดกันอยู่ด้วย
โน่เลยไปรำลึกความหลังกับสเก็ต โดดโชว์พอให้น้องๆ ฮือฮาเล่น
อาจารย์เตี้ยกับชาว MaxRider ก็เล่นยกหน้า ยกหลัง ดริฟท์กันเป็นที่สนุกสนาน
เบิ้มกับแบงค์ก็โดดกันพอได้เหงื่อ สไลด์กันไฟแลบ
หายเหนื่อยเราก็เคลื่อนพลทะลุสำเพ็ง เข้า ถ.อนุวงศ์, ทรงวาด ผ่านโรงแรมริเวอร์ซิติี้
ตรงนี้ลมเย็นแล้วก็เงียบมาก แล้วลัดออกสี่พระยา, สุรวงศ์ โฉบเข้าพัฒน์พงษ์ สีลม วกกลับตรงธนิยะ
ทำให้เห็นว่าชีวิตหลังเที่ยงคืนแถวนี้ก็ยังคึกคักปกติดี สมเป็นคืนวันศุกร์
จากนั้นออกพระราม 4 อีกครั้งมุ่งไปสวนลุมพินี
พอถึงแยกหน้าสวนลุมฯ ก็ตี 1 กว่าแล้ว เราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
กลุ่ม 5 คันเดิมของเราก็ปั่นกลับทางราชดำริ ผ่านประตูน้ำ
แล้วก็แยกกับกลุ่มพี่ผึ้งอีกครั้งที่สามเหลี่ยมดินแดง
พี่ผึ้ง, เบิ้ม กับเปา ก็กลับเส้นวิภาวดี ไปรัชโยธิน กับพงษ์เพชรตามลำดับ
ผมกับโน่ก็เลี้ยวซ้ายไปทางอนุสาวรีย์ชัยฯ กลับบ้านทางเส้นพหลโยธินตามปกติ
สรุปคืนนั้นปั่นไป 7 ชม. ประมาณ 50 กม. ทำลายสถิติทั้งระยะทางและเวลาจากที่เคยปั่น
กัน 6 ชม. เมื่ออาทิตย์ก่อน แต่เป็นตอนกลางวัน (ไปลาดพร้าว 101 แล้วย้อนไปสวนลุมฯ)
ถึงบ้านตี 2 ทั้งเมื่อยทั้งเหนื่อย ดีที่ได้เบียร์เย็นๆ ช่วยพาอ๊อกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อให้ได้มากกว่าปกติ
ตามสูตรที่ได้รับการแนะนำจากนักกีฬาทีมชาติเชียวนะ แค่นี้ก็นอนสบายไม่ปวดขาแล้ว…
มีภาพให้ดูนิดหน่อยที่บอร์ดของ ThTrials ครับ เสียดายทริปนี้รูปน้อยเพราะไม่ได้แบกกล้องไปด้วย
ไว้จะหากล้องคอมแพ็คเล็กๆ ซักตัว จะได้พกง่ายๆ หน่อย ถ้าเอาน้องออยสามลี้ (E-300) ไปด้วย
มันก็จะโดดไม่ไหวน่ะสิ…