ในที่สุดโครงการ SETI ก็ค้นพบ…

เคยได้ยินชื่อโครงการ SETI มั้ยครับ
SETI ย่อมาจาก Search for Extraterrestrial Intelligence
แปลตรงๆ ก็คือการค้นหาสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญาต่างดาว
ใครจำหนัง E.T. ได้ก็นั่นแหละ ตัวย่อเดียวกัน

แล้ว E.T.ต่างจาก Alien ยังไง…
เคยอ่านที่ไหนไม่รู้แว๊บๆ นานแล้วว่า เอเลี่ยนจะออกแนวรุกราน
แต่อีทีน่าจะเป็นมิตร (ไม่รู้นิยามตามหนังรึเปล่า ไว้ค้นละเอียดแล้วจะมาบอก)
ในอเมริกาก็เรียกคนต่างด้าวว่าเอเลียนเหมือนกันนะ ยังไงล่ะเนี่ย

ที่ว่าโครงการนี้เจออะไรเข้า ก็คืออย่างนี้ครับ ขอเท้าความหน่อย
เมื่อซักหลายปีก่อน ที่ผมเห่อเรื่องนี้หนักๆ รู้สึกจะเป็นช่วงหลังจากหนัง Contact ฉาย
ก็ค้นนู่นค้นนี่ไปเรื่อย จนได้ไปรู้จัก SETI เข้า แล้วเค้าก็ขอความช่วยเหลือชาวโลก
ด้วยการคิด SETI@home ขึ้นมา

SETI@home เหมือนการทดลองทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งของ UC Berkeley
โดยสร้างโปรแกรมเล็กๆ ตัวนึง ให้เราไปดาวน์โหลดมาติดตั้ง
ไว้ในเครื่องของเราที่สามารถต่ออินเตอร์เนทได้ เพื่อช่วยประมวลผลข้อมูลสัญญาณคลื่นวิทยุที่เค้ารับได้
นึกถึงหนังเรื่อง Contact นะครับ ที่มีข้อมูลมากมายมหาศาลที่เราดักจับจากห้วงอวกาศ
แทนที่เค้าจะใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งคงจะมีไม่กี่ตัวประมวลผล
เค้าก็กระจายออกไปตามคอมพิวเตอร์ธรรมดาๆ
ของผู้คนทั่วโลกช่วยกันประมวลผล เหมือนเป็นคลัสเตอร์
จำได้ว่าตอนอ่านเจอแรกๆ รู้สึกตื่นเต้นดีชะมัด เลยลองโหลดมารันเล่นๆ อยู่พักนึง

ในที่สุดก็ได้เรื่องครับ ด้วยโปรแกรมที่ติดตั้งไว้ตัวนั้นทำให้เกิดการค้นพบแล็ปท็อปเครื่องหนึ่ง
ของนักเขียนสาวที่ถูกขโมยไป โดยสามีของเธออาศัยข้อมูล IP Address ที่โปรแกรมต้อง
รายงานไปที่เซิร์ฟเวอร์ของ SETI@home มาใช้ track หาเครื่องจนได้
หลังจากได้เครื่องกลับมา เธอบอกว่า..
“ฉันรู้มาตลอดเลยค่ะว่าพวก geek เนี่ยเป็นสามีที่ยอดเยี่ยมมาก”
ทำเอา geek แถวนี้ออกอาการปลื้มกันใหญ่

ผมเดาว่าข่าวนี้เป็นข่าวขำๆ และออกแนวแซวกันนิดหน่อย
แต่อย่างน้อย SETI ก็คงเป็นที่รู้จักกว้างขวางขึ้นมาอีกนิดแหละนะ

ที่มา: SETI Finally Finds Something โดย samzenpus จาก /. Slashdot
คุณ PaePae ก็เขียนถึงไว้ที่ Blognone เหมือนกันครับ

Bangkok Night Trip by Trek 4300

จริงๆ กะจะตั้งชื่อว่า Street Dirt in Valentine’s Night ซะหน่อย
แต่จะได้เข้าชุดกันกับครั้งก่อนๆ (1, 2) เลยเอาชื่อนี้ละกัน
เปลี่ยนรถทุกทริป อีกหน่อยน่าจะทำเป็นคอลัมน์ทดสอบรถไปซะเลย
ตัวแทนจำหน่ายยี่ห้อไหนสนใจ ส่งมาให้ผมเอาไปโดดเล่นสักวันสองวันก็ได้นะครับ

คันนี้ได้มาไม่ถึงสองอาทิตย์ ไซส์เล็กดีเหมาะกับการเอาไปโดด เหมือนพวกรถ Dirt
แต่ถ้าปั่นไกลๆ มันจะปวดขา ปวดเข่าหน่อย เพราะหลักอานมันเอาขึ้นได้ไม่สูงพอสำหรับคนตัวสูงขนาดผม
Trek เป็นยี่ห้อที่คนทั่วไปน่าจะรู้จัก หรือพบเห็นได้บ่อยๆ ตามท้องถนน คนขายเค้าเคลมว่า
เป็นยี่ห้อเดียวกับที่แลนซ์ อาร์มสตรอง แชมป์ตูร์เดอร์ฟรองค์ใช้เชียวนะ
(ผมว่าระดับแลนซ์ จะใช้ยี่ห้อไหนก็มีโอกาสเป็นแชมป์ได้เหมือนกันแหละ)

สีเหลืองถูกใจดี เลยไปหายางขอบเหลืองมาใส่ให้เข้ากัน มีคนใจดีขาย Hutchinson Mosquito
ขนาด 2 นิ้วให้คู่นึง เข้าชุดกันได้มีรถสวยสมใจ

วันแห่งความรักทั้งที จะมานั่งเหี่ยวเฉาให้ชีวิตรันทดทำไม หลังเลิกงานตั้งใจไว้กับคู่หูดูโอโน่คุง
ว่าจะไปหาเบียร์นั่งกินเล่นแก้เบื่อ พอดีเบิ้ม ชวนว่าคืนนี้ใครจะไปเล่น street dirt บ้าง
สงสัยยังติดใจจากคราวก่อนที่ไปสะพานพุทธฯ ก็เลยตกลง ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรจะทำ

นัดเจอกันที่บิ๊กซี วงศ์สว่าง ตอนสองทุ่มครึ่ง เลยรีบออกจากออฟฟิศตั้งแต่ทุ่มเศษๆ
กลับที่พัก เปลี่ยนเป็นชุดพร้อมลุย แล้วก็ปั่นออกสะพานควาย ไปทางประดิพัทธ์
ถึงแยกสะพานแดงก็เลี้ยวขวา อัดขึ้นสะพานสูงข้างปูนใหญ่ เข้าถนนประชาราษฎร์
แป๊บเดียวก็ถึงบิ๊กซี วงศ์สว่างทันเวลานัดพอดี
นัดเจอกันที่สี่แยกวงศ์สว่าง
เปา เบิ้ม โน่ พร้อมลุย…

เพื่อไม่ให้จำเจ เลยเลือกเส้นทางใหม่ โดยมุ่งไปตามถนนวงศ์สว่างไปขึ้นสะพานพระราม 6

จะปั่นขึ้นพระราม 7 คงไม่ไหวแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปลองอัดขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้า
พบว่าอันตรายมาก นอกจากจะชันจนปั่นแทบไม่ออกแล้ว ยังมีรถเมล์มาเบียดให้ระทึกใจ
ขากลับเลยไปลงเรือข้ามฟากจากวังหลัง มาขึ้นที่ฝั่งท่าช้างแทน ชีวิตดีขึ้นเยอะ

คราวนี้เลยได้ประสบการณ์ใหม่ กับการแบกรถขึ้นบันไดสะพานพระราม 6 ตอนนี้มีรถไฟผ่านซะด้วย
แล้วปั่นบนทางเดินข้างรางรถไฟ สุดยอดมากครับ เสียวกว่าเล่นรถไฟเหาะที่ดรีมเวิร์ลอีก
เพราะทางเป็นพื้นเหล็กแผ่นบาง ปั่นไปก็เสียงดังกึงๆ กังๆ กว้างประมาณเมตรครึ่ง มีราวเหล็กสองข้าง
ต้องตั้งสมาธิให้ดี เผลอคิดนิดเดียวว่าลื่นแฉลบ ลอดราวเหล็กไปคงได้เฝ้าก้นแม่น้ำเจ้าพระยาแน่นอน
แต่เจ้าเปา ที่ใช้ Trek 4300 เหมือนกัน แต่เป็นโมเดลปีเก่ากว่า
ปั่นยกล้อ (Wheelie) ได้หน้าตาเฉย คนนี้ฝีมือดีและใจถึงที่สุดแล้ว
บนสะพานพระราม 6บนสะพานพระราม 6

พอข้ามมาได้ ก็ปั่นลงเนินอีก ชันด้วย ได้อารมณ์น้องๆ down hill ถ้าหลุดทางออกไปก็จะพุ่งเข้ากลางถนน
ผมเลยได้ต้นไม้ช่วยเบรค โดนเข้าไปเต็มไหล่ซ้าย แต่ไม่เป็นอะไรเลยเพราะเบี่ยงตัวถ่ายน้ำหนักทัน
แต่ก็เล่นเอาใจหายใจคว่ำ มีเสียงวินมอเตอร์ไซด์ฝั่งตรงข้ามช่วยลุ้นให้ด้วย

คราวนี้เราก็วิ่งเส้นจรัลสนิทวงศ์ยาวไปเรื่อย สลับขึ้นลงฟุตบาท ฝั่งธนบุรีนี่ฟุตบาทกว้างดีมาก
แถมทำทางลาดขึ้นลงให้ทุกบล็อคที่เป็นทางเข้าซอย ผ่าน รพ.ยันฮี แยกบางพลัด
ตรงไปถึงแยกที่จะไปเซ็นทรัลปิ่นเกล้า เราก็เลี้ยวซ้ายมาทางอรุณอัมรินทร์ แล้วก็ซ้ายอีกที
เพื่อเข้าสู่พระราม 8 อ้อมซะ…จำซอยไม่ได้ว่าต้องเข้าทางลัดซอยไหน
ช่วงนี้เปาเอาอีกแล้ว โดดพลาดเข้าพุ่มกระบองเพชร เลยได้เลือดมาซิบๆ
ก็ปั่นกันไป คอยมองหลังกันไป ใครหลุดกลุ่มก็มีรอกันบ้าง แล้วถึงใต้สะพานพระราม 8

สมกับเป็นวันแห่งความรัก มีคนมานั่งริมฝั่งแม่น้ำกันเยอะมาก ตอนนั้นประมาณ 4 ทุ่ม
เราก็นั่งพัก หาน้ำหาท่ากินกัน ได้ปั่นเล่นแถวนั้นแป๊บนึง ก็มีคุณตำรวจมาขอให้คนออกจากพื้นที่
เพราะปกติบริเวณนั้นจะปิด 4 ทุ่ม บอกว่ามีวัยรุ่นตีกันด้วย เราไม่ควรอยู่รอโดนลูกหลง
เลยแบกรถขึ้นสะพานมาปั่นด้านบนรับลมเย็นๆ แทน
บนสะพานพระราม 8บนสะพานพระราม 8

พอมาถึงฝั่งพระนคร รถเปายางรั่ว ก็มานั่งปะกันใต้สะพาน พวกเราอุปกรณ์พร้อมอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหา
ฝั่งนี้ก็มีเด็กเล่นสเก็ตบอร์ดเหมือนลานที่สะพานพุทธเลย
ยางแตกที่พระราม 8 ฝั่งพระนครช่วยกันปะ ช่วยกันแปะ

จากนั้นก็ปั่นไปตามถนนวิสุทธกษัตริย์ ออกราชดำเนินนอก ไปหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม
หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม
แล้วปั่นออกมาทางถนนศรีอยุธยา ถึงแยก รพ.สงฆ์ ก็เลี้ยวซ้ายไปตามพระราม 6 ผ่านแยกตึกชัยไปเรื่อยๆ
ก็ตัดเข้าขวาที่กระทรวงการคลัง เพื่อมาออกทางซอยอารีย์ แวะพักจิบเบียร์หน้าตึกชินวัตร 2
แล้วก็เลี้ยวกลับบ้านนอนตอนตี 1 พอดี
หน้าตึกชินวัตร 2 หลังจบการเดินทาง

คืนนี้ปั่นกันไม่ไกลมาก ราวๆ 28 กิโลเมตร ตามเส้นทางนี้แหละ
แผนที่เส้นทางที่ใช้
ใครอ่านแล้วอยากมาร่วมสนุกก็ได้นะครับ ไม่มีรถก็มาได้ เพราะยังมีรถว่างให้ยืมอยู่อีกสองสามคัน
รูปทั้งหมดคลิกไปดูได้ที่ Flickr ครับ

YouFest: YouSEX

ได้รับเมล์จากทีมงาน YouSEX เลยได้มีเรื่องเขียนรับวันแห่งความรัก
ทีมงานน่ารักมากครับ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นใคร (ผู้ชายนะครับ)
เค้าโทรมาชวนผมวันงาน ตอนนั้นกำลังเมามันกับการทำเวบใหม่ให้ ThTrials.com
ที่ TrueShop ในสยามพารากอนแล้วก็จะรอดูหนังตอนเย็นด้วย เลยไม่ได้ไป เสียดายเหมือนกัน

YouSEX คืองานเสวนาที่จัดขึ้นที่ TK Park, Central World
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเป็นส่วนหนึ่งของ มหกรรมอินเทอร์เน็ตปลอดภัยและสร้างสรรค์
มีเป้าหมายคือ ระดมความคิดใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องเพศโดยใช้อินเทอร์เน็ตและเครื่องมือ IT ต่างๆ
โดยเป็นการต่อยอดมาจากงาน YouFest: YouMedia คราวก่อน

พอดีเค้าส่งเมล์มาอีก ให้ช่วยประชาสัมพันธ์ โดยทางแผนงานสุขภาวะทางเพศ สสส.
ร่วมกับ duocore.tv และ TRN ได้ทำคลิปขึ้นมา 3 ตอน
เป็นเรื่องการรณรงค์ให้ซื้อถุงยางอย่างไม่อาย ให้ผู้หญิงพกถุงยาง และวิธีการใช้ยาคุมฉุกเฉิน

โดนใจที่เค้าบอกว่า “…คลิปนี้อาจจะช่วยชีวิตคนได้จำนวนมากเลยนะครับ ช่วยๆ กัน…”
เค้าระบุว่าสามารถเอาคลิปวีดีโอมาแปะได้ แต่ผมคิดว่าเข้าไปดูที่เวบเค้าตรงๆ เลยดีกว่าครับ
เชิญชมที่ YouSEX

เสียสละ เสียเวลา รักษาสิทธิ

เมื่อวานรู้สึกไม่ค่อยสบาย (เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย?)
เริ่มเจ็บคอนิดหน่อย จากประสบการณ์ มันจะเจ็บเฉพาะตอนกลางคืน
แต่พอปล่อยไว้ มันจะเริ่มลามมาเจ็บกลางวันด้วย แล้วก็จะไอ
โดยเฉพาะเวลาหายใจอากาศเย็นๆ เข้าไป แล้วก็น้ำมูกไหล จากนั้นก็จะไข้ขึ้น
แล้วก็ตาย…(-_-“) แล้วก็หาย!!! แต่มันก็กินเวลาเป็นอาทิตย์
แถมน่าเบื่อและทรมานนิดหน่อย

ปกติก็จะซื้อยากินเองตามอัตภาพ เจ็บคอก็หายาแก้อักเสบ ลดน้ำมูกไปเรื่อยตามอาการ
คราวนี้รู้สึกว่ากำลังจะเริ่มป่วย เลยรีบหายากินดักไว้ก่อน
แต่ไม่อยากซื้อกินเองละ เลยไปใช้สิทธิประกันสังคมที่ รพ.เปาโล
เพราะเคยโดนอาจารย์หมอคนนึงดุไว้ว่า ไม่ค่อยมารับการรักษา
จ่ายประกันสังคมเดือนนึงก็ไม่ใช่น้อยๆ
เลยคิดอยากประหยัดค่ายา ไปหายาฟรีกินดีกว่า แลกกับค่ารถเมล์ รถไฟฟ้านิดหน่อย

ที่เปาโลมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ ไม่ได้มาซะนาน ก็เดินไปอาคาร 3 ด้านหลังตามคำแนะนำ
พอไปถึงก็พบว่ามีคนเยอะกว่าที่คิดซะอีก จากที่คิดว่าจะมาแค่แป๊บๆ ให้หมอดูอาการแล้วก็สั่งยา
กลายเป็นต้องรอนานเกือบชั่วโมง ระหว่างรอ คงเพราะขี้เกียจแล้วก็เบื่อ เลยพาลคิดว่า
แทนที่จะมารอให้เสียเวลา แถมอาจจะเบียดบังคนที่เค้าป่วยหนักจริงๆ
สู้ไปซื้อยากินเองอย่างเคย จะดีกว่าห่วงว่าไม่ได้ใช้สิทธิประกันสังคม (ที่ดีมาก!?…) มั้ยเนี่ย

แต่ผมเป็นพวกบ้ารักษาสิทธิน่ะ เคยถูกสอนว่าไม่มีใครเอาเปรียบเราได้ ถ้าเราไม่ยอมให้เค้าเอาเปรียบ
แต่กรณีนี้มันก็คิดได้ว่า เราเองก็มีกำลัง มีความรู้พอที่จะไม่ต้องพึ่งหมอก็ได้ ป่วยเล็กๆ น้อยๆ
ดูแลตัวเอง แล้วให้หมอเค้าบริการคนป่วยไปดีกว่า (มั้ย) คิดนู่นคิดนี่ไปเพลินๆ พยาบาลก็เรียกพอดี

สุดท้ายก็รอจนเสร็จแล้วก็รับยา จะว่าเสียเวลาก็ไม่เท่าไหร่ ได้ยามาเพียบ กินทีนึงสี่ห้าเม็ด
ขากลับเค้ามีรถกอล์ฟบริการส่งหน้า รพ.ด้วย ไอ้ที่คิดไว้ตอนนั่งรอก็กลายเป็นเรื่องฆ่าเวลาไปซะงั้น…

Book Tag Meme

โดนคุณ wät แปะมา ด้วยความยินดีเลยครับ
เห็นครั้งแรกที่บล็อกพี่ไท้ ซึ่งก็ไปอ่านอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ค่อยได้ตอบ (เหมือนแชมป์เลย)
แล้วก็เริ่มกระจายต่อไป แต่ไม่เร็วเหมือนตอน blog tag เพราะคราวนี้
tag กันแค่ทีละ 2 คน

กติกาขอยกจากคนที่ tag ผมนี่แหละ เขียนเป็นข้อๆ อ่านง่าย น่าลอกดี ;-P
“กติกาการเล่น ไม่มีอะไรมาก เพียงทำตามนี้
1. หยิบหนังสือเล่มที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมา
2. เปิดไปที่หน้า 123 ไล่หาประโยคที่ 4 ในหน้านั้น
3. นำ 3 ประโยคที่อยู่หลังประโยคที่สี่ มาใส่ในบล็อก
4. ระบุชื่อคนเขียน และชื่อหนังสิอ
5. แปะคนต่ออีก 2 คน”

มองๆ หนังสือบนโต๊ะทำงานแล้วไม่รู้จะเอาเล่มไหน มีแต่หนังสือโปรแกรมมิ่ง
เห็นคนอื่นเค้าแนะนำกันแต่หนังสือภาษาอังกฤษ รู้สึกว่ามันจะดู geek ไปหน่อย
เลยเลือกเอาเล่มนี้ก็แล้วกัน

บรินและเพจจะจ่ายเงินอย่างรอบคอบตอนที่สร้างโครงสร้างพื้นฐานของระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งให้ชีวิตแก่ธุรกิจ แต่พวกเขาไม่ประหยัดเลยเมื่อมาถึงการสร้างวัฒนธรรมภายในกูเกิลเพล็กส์
และปลูกฝังความภักดีกับความพอใจในการทำงานในหมู่ชาวกูเกลอร์

แหม..รู้สึกมันช่างเหมาะเจาะจริงๆ ที่เลือกเล่มนี้มา
จากหนังสือ เรื่องราวของกูเกิล (The Google Story) เบื้องลึกแห่งความสำเร็จของธุรกิจ
สื่อเทคโนโลยีที่ร้อนแรงที่สุดแห่งยุค ของ David A. Vise กับ Mark Malseed
แปลโดย คุณวิภาดา กิตติโกวิท สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น

ตอนแรกไม่รู้จะ tag ใครต่อ พอดีเห็น mk  พี่ป๊อก ที่ยังว่าง แถม หมวด ยังยุให้แปะต่อให้ ลิ่ว ด้วย
ก็รับไปทั้งสองคนเลยนะครับ ขอแปะคนดังหน่อยเถอะ ^_^

มีโจทย์อีกหลายข้อจากคุณ wät ที่น่าสนุกดี ลองตอบดู ผลออกมาเป็นแบบนี้…

– จำนวนหนังสือที่มีทั้งหมดในครอบครอง
อันนี้นับไม่ไหวจริงๆ 2 ตู้เหล็ก กับในลัง ในกล่อง แล้วที่กระจัดกระจายไปทั่วห้องอีก

– หนังสือเล่มล่าสุดที่เพิ่งซื้อมา
ถ้าไม่นับมติชนสุดสัปดาห์ที่ซื้อเกือบทุกศุกร์กับพวกแม็กกาซีนก็ ใครว่าโลกกลม (The World is Flat)
ฉบับแปลไทยโดยคุณรอฮีม ปรามาท

– หนังสือเล่มล่าสุดที่เพิ่งอ่านจบ
ความสุขของกะทิ

– หนังสือ 5 เล่มที่มีความหมายกับชีวิตคุณ
แก่นพุทธศาสน์ คุยกับประภาส สถาบันสถาปนา ผีซ่าส์กับฮานาดะ เพชรพระอุมา
(สี่เรื่องหลังเป็นชุด ชุดละหลายเล่ม)

– หนังสือที่ยังอ่านไม่จบ
The World is Flat (ต้องรอต่อเล่ม 2)

– หนังสือที่เปลี่ยนชีวิตคุณ
โลกใบที่สองของโม เพิ่งค้นพบเมื่อเร็วๆ นี้เอง (เคย qoute ไว้)

– หนังสือที่คุณอ่านมากกว่าหนึ่งรอบ
หลายเล่มเลย

– หนังสือที่คุณอยากเอาไปอ่านเวลาติดเกาะ
ขอเป็นชุดได้มั้ย อยากหอบ “ข้าชื่อโคทาโร” ไปด้วยซะเลย ไม่งั้นก็เพชรพระอุมาก็ได้ อ่านได้นานดี

– หนังสือที่ทำให้คุณหัวเราะ
หลายเล่มเหมือนกันนะ แต่ถ้าเอาแบบปิ๊งแรกเลยนี่ก็ต้อง
ว้าวุ่น ของปินดา โพสยะ (นามปากกาของวัชระ แวววุฒินันท์)

– หนังสือที่ทำให้คุณเสียน้ำตา
คำพิพากษา ของน้าชาติ กอบจิตติ (จริงๆ ฮานาดะก็ทำน้ำตาซึมได้หลายฉากเหมือนกัน)

– หนังสือที่คุณฝันว่าคุณน่าจะเป็นคนเขียน
NOTE BOOK (ไดอารี่ของอุดม แต้พานิช) อ่านแล้วเลยฮึดเขียนบ้าง

– หนังสือที่คุณคิดว่าไม่ควรถูกเขียนขึ้นมา
ไม่มีมั้ง แต่ที่ซื้อแล้วเสียดายตังค์ก็มีบ้างแหละ ไม่อยากพูดถึง

– หนังสือเล่มต่อไปที่อยากอ่าน
หนังสือที่กำลังจะวางขาย (นึกไม่ออกเลยขอเวอร์ไว้ก่อน)